การแสดงโขนพระราชทาน ตอน พรหมาศ

การแสดง

การแสดงโขนพระราชทาน ตอน พรหมาศ

  • calendar-sale-white

    วันเปิดจำหน่าย วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม 2558, 10:00 น.

แชร์
การแสดงโขนพระราชทาน ตอน พรหมาศ

ผังการแสดง & รอบการแสดง

วันที่แสดง
เวลา
วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2558

เงื่อนไขการจำหน่ายบัตร

  • เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ห้ามเข้าชม
  • บัตร 1 ใบ ต่อ 1 คนเท่านั้น
  • ราคาสำหรับนักเรียน นักศึกษา ต้องไม่เกินปริญญาตรี และอายุไม่เกิน 25 ปีบริบูรณ์
  • ตรวจบัตรนักเรียนก่อนเข้าหอประชุม หากอายุเกินปรับตามจริง
  • ที่นั่ง Wheelchair โปรดแจ้งพนักงานก่อนซื้อบัตร (เฉลี่ยรอบละ 10 คน)
  • สำหรับผู้ที่มาไม่ตรงเวลา จะอนุญาตให้เข้าชมหลังจากการแสดงเริ่มไปแล้วประมาณ 15 นาที เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ชมท่านอื่นๆ

ในบริเวญหอประชุมใหญ่ มีข้อห้ามดังนี้:
  • ห้ามนำอาหารและเครื่องดื่ม
  • ห้ามถ่ายรูป
  • ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ
  • ห้ามสูบบุหรี่
  • ห้ามส่งเสียงดัง

สำหรับการซื้อบัตรรอบนักเรียน ทางผู้จัดฯขอสงวนสิทธิ์เฉพาะผู้มีบัตรนักเรียนนักศึกษาไม่เกินปริญญาตรีเท่านั้น หากท่านซื้อบัตรเป็นกลุ่มโรงเรียน อนุญาตให้ซื้อบัตรครู 1 ท่าน ต่อการพานักเรียนมา 10 ท่านขึ้นไปเท่านั้น
ท่านใดที่ไม่ใช่นักเรียนนักศึกษาในกรณีนี้ ทางผู้จัดจะเรียกเก็บค่าบัตรเพิ่มเติมตามราคาจริง (ราคารอบประชาชน) ของที่นั่งบนบัตรของท่าน

รายละเอียด

การแสดงโขนพระราชทาน
ชุด ศึกอินทรชิต ตอน พรหมาศ
 
อินทร ชิต เป็นโอรสของทศกัณฐ์ และมณโฑ แห่งกรุงลงกา แต่เดิมมีชื่อว่า รณพักตร์ ได้ศึกษาศิลปศาสตร์ กับ พระฤษีโคบุตร ได้เรียนมนต์ ชื่อ มหากาลอัคคี สำหรับบูชาพระเป็นเจ้าทั้งสาม แล้วไปนั่งภาวนาอยู่ท่าเดียวครบ ๗ ปี พระเป็นเจ้าทั้งสามเสด็จลงมาพร้อมกันทั้งสามองค์ พระอิศวรประทานศรพรหมาศ และบอกเวทแปลงตัวเป็นพระอินทร์ พระพรหมประทานศรนาคบาศ และให้พรว่าเมื่อจะตายให้ตายบนอากาศ ถ้าหัวขาดจากตัวตกถึงพื้นดินให้กลายเป็นไฟบรรลัยกัลป์ ต่อเมื่อได้พานทิพย์ของพระพรหมมารองรับจึงไม่เกิดไฟไหม้ พระนารายณ์ประทานศรวิษณุปาณัม ต่อมาทศกัณฐ์ใช้ให้ไปปราบพระอินทร์เพื่อให้อ่อนน้อม เมื่อชนะพระอินทร์  ทศกัณฐ์จึงให้ชื่อใหม่ว่า อินทรชิต

เมื่อศึกติดลงกา กุมภกรรณออกรบจนตายแล้ว ได้เป็นจอมทัพออกทำสงครามหลายครั้ง ครั้งแรกรบกับพระลักษมณ์ไม่แพ้ชนะกัน ครั้งที่สอง ทำพิธีชุบศรนาคบาศ ถูกชามพูวราชทำลายพิธี ออกรบกับพระลักษมณ์แผลงศรเป็นนาคมัดพระลักษมณ์กับพลวานรสลบ พิเภกแนะวิธีแก้ไข ครั้งที่สามนี้ไปทำพิธีชุบศรพรหมาศ ทศกัณฐ์ใช้ให้พระนัดดามังกรกัณฐ์ โอรสพญาขรออกรบขัดตาทัพ พระราม พระลักษมณ์กรีฑาพลออกรบทั้งสองพระองค์  มังกรกัณฐ์เป็นยักษ์ที่มีฤทธิ์เดชฉกาจกล้า ในการรบครั้งนี้แผลงศรมาถูกพระรามถึงเกราะทรงขาด พระรามจึงแผลงศรไปทำลายศรมังกรกัณฐ์ มังกรกัณฐ์เห็นพระรามเป็นสี่กรรู้ว่า คือ พระนารายณ์อวตาร จึงเนรมิตกายมากมายขึ้นไปแอบซ่อนบนกลีบเมฆ  พระรามเสี่ยงศรขึ้นไปทำลายมังกรกัณฐ์สิ้นชีวิต สองสารัณกองคอยเหตุกลับมาทูลทศกัณฐ์ให้ทราบข่าว ทศกัณฐ์ใช้ให้เสนากาลสูรเร่งไปทูลข่าวตายของมังกรกัณฐ์ ขณะอินทรชิตทำพิธีชุบศรอยู่  อินทรชิตเสียพิธีเพราะข่าวอัปมงคลครั้งนี้ จึงแปลงกายเป็นพระอินทร์พร้อมไพร่พลบริวาร  แปลงเป็นขบวนเสด็จของเหล่าเทพบุตรนางฟ้า อินทรชิตแปลงประทับบนช้างเอราวัณ เสด็จมาถึงสนามรบ พระลักษมณ์มัวเพลิดเพลินคิดว่าเป็นเทวสันนิบาต อินทรชิตแปลงจึงแผลงศรพรหมาศล้มสลบลงหมดทั้งกองทัพ เหลืออยู่เพียงหนุมาน หนุมานชิงโดดขึ้นไปหักคอช้าง ถูกตีด้วยคันศรสลบลง เมื่อพระรามทราบข่าวจึงเสด็จมายังสนามรบ แต่วนเวียนด้วยเป็นเดือนมืดข้างแรม ในที่สุดเมื่อมาถึงสนามรบ พบพระลักษมณ์สลบอยู่ หนุมานซึ่งถูกตีตกลงมาพร้อมหัวช้างเอราวัณ เมื่อพระพายพัดมาต้อง จึงค่อยฟื้นขึ้น ทูลเหตุการณ์ให้ทรงทราบ พระรามตรัสถามพิเภกถึงวิธีแก้ไข พิเภกทูลให้ไปชะลอเขาอาวุธซึ่งมีสรรพยาสำหรับแก้ไข แต่มีกำหนดให้ได้มาก่อนพระอาทิตย์ขึ้น มิฉะนั้นพระลักษมณ์และพลวานรจะสิ้นชีวิต  พระรามใช้ให้หนุมานไปดำเนินการครั้งนี้ หนุมานแผลงฤทธิ์ไปชะลอเขาอาวุธแล้วเคาะสรรพยาให้หล่นลงมา แก้ฤทธิ์ศรพรหมาศได้ พระลักษมณ์และพลวานรพ้นจากภยันตราย พอดีกับเป็นช่วงเวลาเช้า พระราม พระลักษมณ์ และพลวานรจึงกรีฑาทัพเสด็จกลับไปยังพลับพลาชัย