การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน กุมภกรรณทดน้ำ

การแสดง

การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน กุมภกรรณทดน้ำ

แชร์
การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน กุมภกรรณทดน้ำ

ผังการแสดง & รอบการแสดง

ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย หอประชุมใหญ่

ราคาบัตร
รอบประชาชน : 2,000 / 1,800 / 1,000 / 800 / 600
รอบนักเรียน : 180

วันที่แสดง
เวลา
วันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2566
14:00 รอบประชาชน 19:00 รอบประชาชน
วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน 2566
14:00 รอบนักเรียน
วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายน 2566
14:00 รอบนักเรียน
วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2566
14:00 รอบนักเรียน 19:00 รอบประชาชน
วันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2566
14:00 รอบประชาชน 19:00 รอบประชาชน
วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน 2566
14:00 รอบประชาชน 19:00 รอบประชาชน
วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2566
14:00 รอบนักเรียน
วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤศจิกายน 2566
14:00 รอบนักเรียน
วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2566
14:00 รอบนักเรียน 19:00 รอบประชาชน
วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2566
14:00 รอบประชาชน 19:00 รอบประชาชน
วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน 2566
14:00 รอบประชาชน 19:00 รอบประชาชน
วันพุธที่ 22 พฤศจิกายน 2566
14:00 รอบนักเรียน
วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน 2566
14:00 รอบนักเรียน
วันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2566
14:00 รอบนักเรียน 19:00 รอบประชาชน
วันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2566
14:00 รอบประชาชน 19:00 รอบประชาชน
วันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน 2566
14:00 รอบประชาชน 19:00 รอบประชาชน
วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน 2566
14:00 รอบนักเรียน
วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน 2566
14:00 รอบนักเรียน
วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม 2566
14:00 รอบนักเรียน 19:00 รอบประชาชน
วันเสาร์ที่ 2 ธันวาคม 2566
14:00 รอบประชาชน 19:00 รอบประชาชน
วันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม 2566
14:00 รอบประชาชน 19:00 รอบประชาชน
วันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม 2566
14:00 รอบประชาชน 19:00 รอบประชาชน
วันอังคารที่ 5 ธันวาคม 2566
10:00 รอบประชาชน 14:00 รอบประชาชน

เงื่อนไขการจำหน่ายบัตรการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน กุมภกรรณทดน้ำ
• เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ห้ามเข้าชมการแสดง หากต้องการพาเด็กที่อายุมากกว่า 5 ปีเข้าชม กรุณาซื้อบัตรสำหรับเด็ก บัตร 1 ใบ : ผู้เข้าชม 1 ท่าน
• ที่นั่ง Wheelchair โปรดแจ้งพนักงานก่อนซื้อบัตร (เฉลี่ยรอบละ 10 คน)
• สำหรับผู้ที่มาไม่ตรงเวลา จะอนุญาตให้เข้าชมหลังจากการแสดงเริ่มไปแล้วประมาณ 15 นาที เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ชมท่านอื่น ๆ
• สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาการแสดง
 
เงื่อนไขสำหรับการซื้อบัตรรอบนักเรียน-นักศึกษา
• ไม่เปิดขายผ่านทางเว็บไซต์ 
• ราคาสำหรับนักเรียน-นักศึกษา ต้องไม่เกินปริญญาตรี และอายุไม่เกิน 25 ปีบริบูรณ์
• ตรวจบัตรนักเรียน-นักศึกษาก่อนเข้าชม หากพบว่าอายุเกินจากที่กำหนดไว้ จะต้องเสียค่าเข้าชมการแสดงอัตราเดียวกันกับการแสดงในรอบประชาชน
• สงวนสิทธิ์การแสดงในรอบนักเรียน-นักศึกษาไว้ให้เฉพาะนักเรียน-นักศึกษาเท่านั้น
• หาก นักเรียน-นักศึกษา ซื้อบัตรรอบประชาชน จะคิดราคาตามรอบประชาชน
• บัตรประจำตัวนักเรียน-นักศึกษา 1 ใบ ใช้ซื้อบัตรชมการแสดงได้ 1 ใบเท่านั้น สามารถซื้อบัตรได้ที่หน้าเคาน์เตอร์ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา
• คณะครูและอาจารย์ผู้คุมนักเรียน ขออนุญาตแสดงบัตรให้เจ้าหน้าที่หน้าประตูก่อนเข้าชมการแสดงทุกครั้ง
• Group Sale นักเรียน จำนวน 10 คนขึ้นไป ต่อครู 1 คน สามารถจองผ่าน TTM Call Center โทร. 0 2262 3456 
• ไม่อนุญาตให้ผู้ปกครองเข้าไปดูรอบ นักเรียน-นักศึกษา ทุกกรณี
 
ในบริเวญหอประชุมใหญ่ มีข้อห้ามดังนี้
• ห้ามนำอาหารและเครื่องดื่ม
• ห้ามถ่ายรูป
• ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ
• ห้ามสูบบุหรี่
• ห้ามส่งเสียงดัง
 

รายละเอียด

มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เปิดการแสดงโขนสุดยิ่งใหญ่แห่งปี 
ตอน กุมภกรรณทดน้ำ
5 พฤศจิกายน - 5 ธันวาคม 2566 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

          มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 
จัดการแสดงโขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน "กุมภกรรณทดน้ำ" ขึ้นในระหว่าง วันที่ 5 พฤศจิกายน - 5 ธันวาคม 2566 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

          เมื่อกุมภกรรณยักษ์ที่มีคุณธรรม หลงเชื่อคำยุยงของทศกัณฐ์เพื่อช่วยทศกัณฐ์ในการทำศึกกับพระราม... พบกับเรื่องราวความพิเศษของการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน กุมภกรรณทดน้ำ ที่รวบรวมองค์ความรู้จากครูผู้เชี่ยวชาญทุกสาขา ทั้งโขน ละคร ดนตรี คีตศิลป์ มารวมกันเพื่อการแสดงที่ยิ่งใหญ่ นอกจากการแสดงที่วิจิตรงดงาม ผู้แสดงล้วนเป็นเยาวชนรุ่นใหม่ที่ผ่านการคัดเลือกและฝึกซ้อมจากครูผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์   จนมีฝีมือการร่ายรำอันงดงามถูกต้องตามจารีต นอกจากนี้ยังได้รับฟังการบรรเลงดนตรีและขับร้องเพลงไทยอันไพเราะ และรับชมความวิจิตรของเครื่องแต่งกายอันประณีต พบกับความพิเศษของสุดยอดฉากการแสดงที่ยิ่งใหญ่ตระการตา ของกุมภกรรณทดน้ำเพื่อไม่ให้ไหลไปสู่พลับพลา ฉากหนุมานแปลงกายเป็นเหยี่ยวใหญ่ ฉากหนุมานดำลงสู่ใต้น้ำและอีกมากมาย ที่จัดสร้างขึ้นเพื่อการแสดงโขนที่ยิ่งใหญ่บนเวที โดยมีกำหนดจัดแสดงขึ้นในระหว่างวันที่ 5 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2566 ณ หอประชุมใหญ่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

          โขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เริ่มดำเนินการจัดแสดง ชุดศึกอินทรชิต ตอนพรหมาศ ขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อปี 2550 ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ได้รับความชื่นชมจากประชาชนเป็นอย่างมาก มีพระราชเสาวนีย์ ให้จัดการแสดงโขนต่อเนื่องทุกปี อาทิ ตอนนางลอย ตอนศึกมัยราพณ์ ตอนจองถนน ศึกกุมภกรรณตอนโมกขศักดิ์ ศึกอินทรชิตตอนนาคบาศ ตอนพิเภกสวามิภักดิ์ ตอนสืบมรรคา ตอนสะกดทัพ  ส่งผลให้การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ได้รับการสนับสนุนและกระแสตอบรับเป็นอย่างดีมีผู้เข้าชมเต็มทุกที่นั่ง

          สำหรับปี 2566 นี้ นับเป็นปีมหามงคลของปวงชนชาวไทยอีกวาระหนึ่ง เนื่องในวันที่ 28 กรกฎาคม 2566 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 71 พรรษา และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเจริญพระชนมพรรษา 91 พรรษา มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ จึงร่วมเฉลิมฉลองโอกาสมหามงคลนี้ ด้วยการจัดการแสดงโขนตอน “กุมภกรรณทดน้ำ” โดยยึดแนวบทละครเรื่อง รามเกียรติ์ ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จับตอนตั้งแต่ หลังจากที่กุมภกรรณทำศึกโมกขศักดิ์  กับพระลักษมณ์แต่ไม่สำเร็จ ยังไม่สามารถสังหารพระลักษมณ์ได้ จึงคิดหาวิธีทำ  กลศึก นิมิตกายลงไปใต้น้ำทำพิธีทดน้ำนอนขวางแม่น้ำไว้ เพื่อขัดขวางกองทัพพระราม ผลการต่อสู้และจุดจบ  ของเรื่องราวกุมภกรรณทดน้ำจะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามรับชมได้ในการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน "กุมภกรรณทดน้ำ” จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 5 พฤศจิกายน - วันที่ 5 ธันวาคม 2566 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บัตรราคา 2,000 บาท1,800 บาท 1,000 บาท 800 บาท  และ 600 บาท (รอบนักเรียน ราคา 180 บาท) เปิดจำหน่ายบัตรแล้ววันนี้ที่เคาน์เตอร์ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ทุกสาขา โทร. 0-2262-3456

เรื่องย่อ ตอน กุมภกรรณทดน้ำ
          กุมภกรรณ เป็นโอรสของท้าวลัสเตียนกับนางรัชฎา เป็นอนุชาถัดจากทศกัณฐ์ เป็นอุปราชกรุงลงกา หน้าสีเขียว ไม่มีมงกุฎ ชายาชื่อจันทวดี มีสนมเอกชื่อคันธมาลี มีหอกโมกขศักดิ์เป็นอาวุธวิเศษ ฝากไว้กับพระพรหมธาดา โดยอุปนิสัยรักความสะอาดและถือสัตย์ซื่อในความยุติธรรม เมื่อทศกัณฐ์ใช้ให้ไปรบกับพระราม ได้กล่าวทัดทานหลายหนและแนะนำให้ส่งนางสีดาคืน ทศกัณฐ์กริ้วเกือบตัดญาติ แต่จำใจเจ็บร้อน ด้วยเป็นพงศ์ยักษ์ด้วยกัน ได้ออกรบถึงสี่ครั้ง พิเภกอาสาออกมาห้ามทัพไม่ให้รบเพราะพระรามคือพระนารายณ์อวตาร

          ครั้งแรก รบกับสุครีพโดยออกอุบายให้สุครีพไปถอนต้นรังใหญ่ที่อุดรทวีป เพื่อให้หมดกำลัง สุครีพไม่รู้ทันในอุบาย ถอนต้นรังมาได้ก็มารบต่อ กุมภกรรณไม่รอให้ทันตั้งตัวรีบโถมออกไปรบ สุครีพเสียท่าถูกกุมภกรรณเอา แขนตวัดหัวสุครีพเข้าหนีบรักแร้คว้าตัวพากลับไปลงกา แต่หนุมานกับองคตตามไปช่วยไว้ได้
 
          ครั้งที่สอง กุมภกรรณไปขอหอกโมกขศักดิ์ซึ่งฝากไว้กับพระพรหม แล้วไปทำพิธีลับคมที่เชิงเขาพระสุเมรุใกล้ฝั่งแม่น้ำสีทันดร หนุมานแปลงกายเป็นหมาเน่า องคตแปลงกายเป็นกาจิกร่างหมาเน่าเพื่อกระจายกลิ่นอันเหม็นเน่า จนกุมภกรรณเสียพิธีออกรบโดยทำพิธีลับหอกไม่สำเร็จ ครั้งนี้พระลักษมณ์ถูกหอก พิเภกแนะนำวิธีแก้ไขจน พระลักษมณ์ฟื้น

          ครั้งที่สาม กุมภกรรณทดน้ำ หลังจากที่กุมภกรรณพุ่งหอกโมกขศักดิ์สำเร็จแล้วได้กลับมาทูลบอกทศกัณฐ์  ณ ท้องพระโรงกรุงลงกา สองสารัญทูตกองตระเวนเข้ามาทูล บอกว่าฝ่ายพระรามแก้ฟื้นพระลักษมณ์ได้แล้ว  กุมภกรรณจึงอาสาไปทดน้ำเพื่อให้กองทัพพระรามอดน้ำตายหมด กุมภกรรณกลับไปที่ตำหนักสั่งความลบกับนางคันธมาลีพระสนมเอกและนางกำนล คนสนิทให้ปกปิดแหล่งที่ไป แต่สั่งให้นางคันธมาลีและนางกำนัลทั้งสี่มีหน้าที่เก็บดอกไม้ไปบูชาทุกวัน จากนั้นกุมภกรรณได้ไปที่เชิงเขามรกตเหนือพลับพลาที่ตั้งของกองทัพฝ่ายพระราม กุมภกรรณออกไปจนถึงต้นกร่างใหญ่ริมแม่น้ำ ได้ร่ายเวทวิทยาแล้วลงไปใต้น้ำนอนทดน้ำจนน้ำเหือดแห้งไหลเปลี่ยนทิศทางไปทางอื่น

          พลวานรฝ่ายพลับพลาพระรามออกมาตักน้ำไปใช้ เห็นน้ำแห้งหายจึงกลับไปบอกนาย สุครีพทูลพระรามถึงเรื่องนี้ พระรามถามพิเภก พิเภกทูลว่าเป็นกลศึกของฝ่ายกรุงลงกาที่ให้กุมภกรรณไปทดน้ำ แต่ไม่รู้แหล่งสถานที่ที่กุมภกรรณไปทำพิธี พระรามใช้ให้หนุมานทหารเอกไปทำลายพิธีเสีย หนุมานแปลงกายเป็นเหยี่ยวใหญ่แอบซุ่มไปสืบข่าวจนรู้แน่ว่านางคันธมาลีและนางกำนัลที่สนิทอีกสี่คนมีหน้าที่เก็บดอกไม้ไปบูชา ณ ที่ที่กุมภกรรณทดน้ำ ครั้นถึงเวลาที่นางคันธมาลีและบริวารไปเก็บดอกไม้ สบโอกาสหนุมานที่แปลงเป็นเหยี่ยวโฉบนางกำนัลที่รั้งท้ายไป แล้วตนเองลอบแปลงเป็นนางกำนัลในหมู่ตามนางไป เมื่อถึงฝั่งน้ำเห็นน้ำวนรู้แหล่งที่แล้วจึงแผลงฤทธิ์ไล่ฝูงนางกำนัลไปหมด หนุมานดำน้ำลงไปเห็นกุมภกรรณนอนร่ายเวทวิทยาขวางลำน้ำ จึงเข้าถีบแล้วต่อสู้กันจนกุมภกรรณเสียพิธีหนีกลับเข้ากรุงลงกา

          ครั้งที่สี่ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย กุมภกรรณออกตรวจพลแล้วยกทัพออกมารบกับฝ่ายพระราม กุมภกรรณพร้อมด้วยนนทกาลสูรมหาเสนาผู้เป็นทหารเอก พร้อมเหล่าโยธาพลากร ทั้งสองฝ่ายเมื่อประจันทัพ กุมภกรรณสั่งเสนา ออกรบก็แพ้พ่ายนนทกาลสูรเข้ารบกับพญาวานรจนสิ้นชีวิต กุมภกรรณเข้ารบกับพระราม พระลักษมณ์ด้วยความสามารถและฤทธิ์เดช ในที่สุดพระรามแผลงศรพรหมาสตร์ถูกกุมภกรรณแต่ยังไม่สิ้นชีวิต แล้วเห็นพระรามมีสี่กร จึงรู้ตัวว่าประมาทพลาดพลั้งไปไม่เชื่อคำตักเตือนของพิเภกอนุชา กุมภกรรณขอพระราชทานโทษสำนึกผิดและฝากฝังพิเภกกับพระราม พระรามเห็นว่ากุมภกรรณเป็นยักษ์ดีมีคุณธรรม ที่คิดประมาทพลั้งผิดเพราะรักพวกพ้องพงศ์พันธุ์  มิอาจปฏิเสธคำสั่งของทศกัณฐ์ได้ จึงได้พระราชทานอภัยโทษและให้กุมภกรรณได้ขึ้นสวรรค์ตามคำขอกราบบังคมทูลและไม่คิดพยาบาทต่อกัน

          การแสดงโขนในครั้งนี้ นำการออกศึกของกุมภกรรณในครั้งที่สามและครั้งที่สี่ ซึ่งเป็นศึกสุดท้ายของ  กุมภกรรณมาจัดแสดง มีจุดประสงค์ให้เห็นถึงความรักสามัคคี ความผูกพันของพี่น้องวงศ์ญาติที่ไม่อาจตัดขาดกันได้ ประกอบกับการให้อภัยไม่จองเวรให้เป็นบาปกรรมสืบต่อกัน ซึ่งคุณธรรมเหล่านี้เป็นหลักคิดที่ควรคงอยู่เป็นแบบอย่างอันดีงามสืบไปในสังคมปัจจุบัน

ความเป็นมาของโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ
          โขนเป็นการแสดงชั้นสูง ประกอบด้วยศิลปะหลากหลายแขนงที่ต้องใช้ศิลปินจํานวนมาก อาทิ ผู้แสดงที่ฝึกหัดท่ารําและท่าเต้นลักษณะพิเศษมาเป็นอย่างดี วงดนตรีปี่พาทย์ที่ครบชุด ผู้พากย์และเจรจาตามแบบฉบับโบราณ เครื่องแต่งกายที่ถูกต้องตามลักษณะโขน อีกทั้งยังต้องสร้างเวทีและฉากให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องและผู้แสดงนับร้อย   อีกด้วย ทําให้การจัดแสดงโขนเป็นเรื่องยาก เยาวชนรุ่นใหม่จึงแทบไม่รู้จักโขน

          สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงห่วงใยว่า โขนซึ่งเป็นสมบัติทางศิลปวัฒนธรรมอันงดงามของไทยจะเสื่อมสูญไปทั้งที่โขนเคยใช้เป็นการแสดงพระราชทานแก่พระราชอาคันตุกะของบ้านเมืองและเป็นที่ชื่นชมอย่างยิ่งเสมอมา จึงมีพระราชดําริที่จะฟื้นฟูโขนให้กลับคืนสู่ความนิยมของคนไทย โดยมีพระราชเสาวนีย์ให้มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จัดสร้างเครื่องแต่งกายโขนขึ้นใหม่อย่างประณีตทั้งศิราภรณ์และพัสตราภรณ์ ให้ศึกษาวิธีการแต่งหน้าโขนที่เปิดหน้าให้สวยงามเหมาะสมกับการแสดงบนเวทีสมัยใหม่ และให้ส่งเสริมนักเรียนนักศึกษาผู้ใฝ่ใจในการแสดงโขนให้มีความรู้ความสามารถยิ่งขึ้น พระราชเสาวนีย์นี้จึงก่อให้เกิดช่างฝีมือรุ่นใหม่ขึ้นเป็นจํานวนมาก ทั้งช่างทําหัวโขน ช่างทอผ้า ช่างปักสะดึงกรึงไหม ช่างเงินช่างทอง ช่างแกะสลัก ช่างเขียน และช่างแต่งหน้าโขน ผู้มีความเข้าใจในศิลปะและจารีตนิยมของโขนอย่างถ่องแท้

          มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ได้ดําเนินการรับสนองพระราชเสาวนีย์ดังกล่าวจนลุล่วง และจัดการแสดงโขนถวายเป็นปฐมทัศน์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติในมหามงคลวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๗๕ พรรษา เมื่อพุทธศักราช ๒๕๕๐ ในชุด พรหมาศ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงจนต้องจัดแสดงซ้ำ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดการแสดงโขนให้ประชาชนชมเป็นประจําทุกปีตลอดมา และเรียกกันโดยความเข้าใจว่า โขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ จนถึงปัจจุบัน