“อิ่มบุญ-อิ่มท้อง-ล่องเรือโบราณ” |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
1. นมัสการ "กวง ตี่ กู เมียว" - (ศาลเจ้ากวนอู - เทพผู้เป็นเง๊กเซียนฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน) ประวัติ ศาลเก่าแก่ มีประวัติความเป็นมากว่า 268 ปี ตามตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่า ในเก๋งศาลเจ้ากวนอู มีเจ้าพ่อกวนอูอยู่ด้วยกัน 3 องค์ จักรพรรดิราชวงศ์ชิง มีเจ้าสัวชื่อ "นายคงเส็ง" ได้บูรณะเก๋งแห่งนี้ให้ใหญ่ขึ้น และได้อัญเชิญเจ้าพ่อกวนอูองค์ที่สามมาประทับร่วมกันในเก๋ง รวมเป็นสามองค์ พร้อมสร้างระฆังไว้หนึ่งใบ เทพเจ้ากวนอูหรือกวนกง เป็นเทพชั้นสูงอีกองค์หนึ่งที่มีผู้เลื่อมใสศรัทธาบูชากราบไหว้มากที่สุด และปรากฏศาลเจ้าของท่านมีอยู่ทั่วในทุกทิศ เชื่อกันว่า นอกจากผู้บูชากราบไหว้ ท่านจะประสบความสุข และปลอดภัยจากสรรพภัยทั้งปวงแล้ว ชาวจีนยังเชื่อกันว่า ท่านเป็นเทพที่อำนวยพรด้านโชคลาภ เงินทองและคุ้มครองทรัพย์อีกนัยหนึ่งด้วย ............................................................ |
|||||||||||||||||||||
2. ไหว้พระชำปอกง ที่วัดกัลยาณมิตร - พระพุทธรูปเชื้อสายจีนในวัดไทย “เสริมดวงการค้า โชคลาภ โชคดีในการเดินทาง
ประวัติ หากกล่าวถึงพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์จีนในวัดไทย สำหรับคนไทยเชื้อสายจีนส่วนใหญ่คงจะคุ้นเคยกับ "ซำปอกง" เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นหนึ่งในวีรบุรุษของจีน และกลายเป็นที่เคารพนับถือของคนจีน และคนไทยทั่วไป จากตำนาน ที่เล่าขานกันมาหลายร้อยปีกลายมาเป็นซำปอกง หรือที่คนไทย รู้จักกันดีในนาม "หลวงพ่อโต" ซึ่งในประเทศไทย มีซำปอกงองค์ใหญ่ ประดิษฐานอยู่เพียง 3 วัดเท่านั้น โดยผู้ที่ไปกราบไหว้สักการบูชาซำปอกง ส่วนใหญ่นอกจากจะ กราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลแล้ว ยังนิยมไป กราบไหว้เพื่อให้รุ่งเรืองทางด้าน การค้าพาณิชย์ มีโชคลาภ และประสบ แต่โชคดีในการเดินทาง
............................................................ |
|||||||||||||||||||||
3. วัดอรุณราชวรารามวรวิหาร - นมัสการพระปรางค์ วัดอรุณ “ให้ชีวิตรุ่งโรจน์” (หากปีนพระปรางค์ถึงยอดจะทำให้โชคดี)
ประวัติ วัดอรุณราชวราราม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี ถนนอรุณอัมรินทร์ เป็นวัดที่มีมาตั้งแต่ ครั้งกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อ วัดแจ้ง ต่อมาเมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีย้ายพระราชธานี จากกรุงศรีอยุธยามาตั้งอยู่ ณ กรุงธนบุรี ได้โปรดฯ ให้กำหนดเอาวัดแจ้งเป็นวัดในเขตพระราชฐาน ใช้เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตที่ ได้อัญเชิญมาจาก เวียงจันทน์ วัดนี้ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 2 ซึ่งถือว่าเป็นวัด ประจำรัชกาลที่ 2 เมื่อบูรณะเสร็จแล้วได้ พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชธาราม หรือวัดแจ้ง มีจุดเด่นที่ น่าสนใจ คือ พระปรางค์องค์ใหญ่ ซึ่งมีความสูง 82 เมตร กว้าง 234 เมตร เริ่มก่อสร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 เสร็จ สมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 4 และได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดอรุณราชวราราม" จัดเป็นพระอารามหลวงชั้น วรมหาวิหาร เรียกชื่อเต็มว่า "วัดอรุณราชวรมหาวิหาร" ............................................................ |
|||||||||||||||||||||
4. วัดระฆัง - ไหว้พระประธานยิ้มรับฟ้า
ประวัติ วัดระฆังโฆสิตาราม เป็นวัดโบราณ สร้างในสมัยอยุธยา เดิมชื่อ วัดบางว้าใหญ่ (หรือบางหว้าใหญ่) ในสมัยธนบุรี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลกมหาราช และได้ขุดพบ ระฆังลูกหนึ่ง ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้นำไปไว้ที่ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยทรงสร้างระฆังชดเชย ให้วัดบางว้าใหญ่ 5 ลูก จากนั้นได้ พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดระฆังโฆสิตาราม” พระประธานยิ้มรับฟ้า เป็นพระพุทธรูปเนื้อทองสำริด ปางสมาธิ หน้าตักกว้างประมาณ ๔ ศอกเศษ เบื้องพระพักตร์ มีรูปพระสาวก ๓ องค์ นั่งประนมมือดุจรับพระพุทธโอวาทพระประธานองค์นี้ ได้รับการยกย่อง ว่างดงามมาก ปรากฎว่าครั้งหนึ่งเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จมาถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดระฆังโฆสิตาราม ได้ทรงมีพระราชดำรัสแก่ผู้เข้าเฝ้าฯ ใกล้ชิดว่า ไปวัดไหนไม่เหมือนมาวัดระฆัง พอเข้าประตู โบสถ์พระประธาน ยิ้มรับฟ้าทุกที ด้วยเหตุนี้จึงทรงถวาย เครื่องราชอิสริยาภรณ์นพรัตน-ราชวราภรณ์ และมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก แด่พระประธานองค์นี้เป็นพิเศษ และพระประธาน องค์นี้ก็ได้นามว่า พระประธานยิ้มรับฟ้า ตั้งแต่นั้นมา |
|||||||||||||||||||||
5. วัดสุวรรณณาราม - ไหว้พระศาสดา - พระพุทธรูปหล่อปางมารวิชัย ฝีมือช่างสุโขทัย - ชมจิตรกรรมไทยบนฝาผนังที่โดดเด่น และสมบูรณ์ที่สุดในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์
ประวัติ วัดสุวรรณาราม ราชวรวิหาร เป็นที่สร้างขึ้นในกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดทอง ในสมัยรัชกาลที่ 3 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดสุวรรณาราม และให้ช่างเขียนภาพฝาผนังในพระอุโบสถด้วย มีงานของจิตรกรอย่าง หลวงวิจิตรเจษฎา(ทองอยู่) ผู้เขียนเนมีราชชาดกกับหลวงเสนีย์บริรักษ์(คงแป๊ะ) ผู้เขียนมโหสถชาดก เป็นต้น |