เรารักที่จะอยู่บนเวที! 'อ๊อฟ ปองศักดิ์' กับเส้นทางล่าฝันที่ไม่ได้มาง่ายๆ
TTM VARIETY มีโอกาสได้พูดคุยสุดเอ็กซ์คลูซีฟถึงชีวิตการเป็นศิลปินที่อยู่มาอย่างยาวนาน 15 ปีในวงการบันเทิง รวมถึงเคล็ดลับการปรับตัวในการเป็นศิลปินยุคนี้ และความพิเศษของคอนเสิร์ตเดี่ยวของ อ๊อฟ ปองศักดิ์
"ในบั้นปลายชีวิตเราไม่ได้อยากจะเป็นนักร้องดัง มีชื่อเสียง มีแฟนคลับเยอะแยะมากมาย แต่ถ้าได้ก็ถือเป็นโอกาสที่ดี แต่ถ้าไม่มีเราก็ไม่ได้รู้สึกเสียดาย ทุกวันนี้ที่เราใช้อยู่ 15 ปี ก็คือกำไรชีวิตแล้ว"
"การที่เราขึ้นไปอยู่บนเวทีมันคือความสุขของเรา เรารักที่จะอยู่บนเวที การร้องเพลงอยู่บนเวทีต่อให้สคริปต์เดิม เราพูดเรื่องเดิม ๆ มากมาย แต่ทำไมก็ไม่รู้เรามีความสุข"
ด้านบนเป็นสองคำตอบที่เรารู้สึกประทับใจใน "ความหลงใหล" และ "ความรัก" ต่อการเป็นนักร้องหรือรวมไปถึงสิ่งที่เขาคนนี้ได้ทำมาทั้งหมดในวงการบันเทิงตลอดเวลา 15 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานอยู่พอสมควรกับเส้นทางนี้ และทุกถ้อยคำที่อ๊อฟได้พูดกับเราเกี่ยวกับเรื่องนี้เต็มไปด้วยความจริงใจ และความรักต่อวิชาชีพของตัวเองที่สุดเท่าที่ศิลปินคนหนึ่งจะพึงมีได้
จากนักล่าฝันแห่งบ้าน AF สู่นักร้องศิลปินคุณภาพคนหนึ่งในวงการบันเทิง เจ้าของบทเพลงซึ้งกินใจหลาย ๆ เพลง ไม่ว่าจะเป็น จากคนรักเก่า , อย่าใกล้กันเลย , แทงข้างหลัง...ทะลุถึงหัวใจ , จุดอ่อนของฉันอยู่ที่หัวใจ , ผู้ชายคนนี้กำลังหมดแรง , เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย , จบไม่พร้อมกัน , รอปาฏิหาริย์ และล่าสุดกับเพลงแนวสนุกๆและสร้างสีสันใหม่ๆอย่างเพลง เปล่าเจ้าชู้ นอกจากนั้นอ๊อฟกำลังจะมีคอนเสิร์ตเดี่ยวอีกครั้งกับ MAGIC NIGHT CONCERT คืนมหัศจรรย์วันของ อ๊อฟ ปองศักดิ์ ในวันที่ 15 - 16 กุมภาพันธ์
TTM VARIETY : จากนักล่าฝัน กว่าจะมาถึงจุดนี้ยากไหม
อย่าใช้คำว่ายากไหม ให้ใช้คำว่าโคตรอยากไหม โคตรยากเลยนะ เพราะว่า คือเรารู้ว่าทุกคน อยากมาอยู่ตรงนี้ แล้วเราก็เป็นหนึ่งในคนที่มีความฝันอยากจะมี อยากจะได้รับโอกาส อยากเป็นนักร้องมีอัลบั้ม อยากจะได้มีโอกาสเป็นนักแสดง อะไรอย่างนี้ ซึ่งกว่าที่จะได้มา เราโชคดีที่ได้รับโอกาสที่ดี ได้รับโอกาสในการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ และก็มีรายการที่ทำให้เราได้โชว์ศักยภาพของเรา และเราเองก็ขอบคุณเราด้วย ขอบคุณตัวเราเองที่ไม่ท้อและก็กล้าที่จะมาประกวด มันเลยทำให้เราได้คว้าฝันของเราได้
TTM VARIETY : คิดว่าการถูกจดจำที่ผลงานหรือการถูกจดจำเพราะเป็นตัวเราเอง สิ่งไหนสำคัญกว่ากัน
อ๊อฟว่ามันต้องควบคู่กัน อย่างบางทีเพลงดังแต่ไม่รู้จักนักร้อง อันนี้มันก็ยาก หรือ คนรู้จักนักร้องแต่ไม่รู้จักเพลง อันนี้มันก็ยากเหมือนกัน มันต้องควบคู่กันไป อ๊อฟว่าการที่เป็นนักร้องที่มีคนให้ความสนใจในรูปแบบโชว์ของเรา มันจะยิ่งทำให้เราเดินทางในสายอาชีพนี้ต่อไปได้เรื่อย ๆ
TTM VARIETY : ซึ่งปัจจุบันก็ทำได้ยาก บางเพลงดังแต่ไม่รู้ว่านักร้องเป็นใคร
ยากครับ ก็ถึงบอกว่าเราต้องทำให้มันควบคู่กันได้ หรือหาจุดเด่นของตัวเอง อย่างอ๊อฟเองไม่ได้มีเพลงไม่ได้มีอัลบั้มใหม่มาสองถึงสามปีแล้วนะ ในเรื่องของเพลงใหม่มันหายไป เพลงใหม่ ๆ ที่ถูกปล่อยออกมามันก็ถูกกลืนหายไป ด้วยความที่กลุ่มของคนฟังเพลงเขาเปลี่ยน เปลี่ยนวิธีการฟัง เพลงแนวของเรามันก็จะถูกปล่อยมา มันก็จะหายไป แต่ว่าสิ่งที่มันอยู่ได้ของอ๊อฟนะ ทุกวันนี้ก็คือโชว์ คนเชื่อมั่นในโชว์เรา คนชอบในโชว์เรา คนเชื่อมั่นใน performance ของเรา มันก็เลยทำให้เราได้มีโอกาสทำงานอย่างต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ
TTM VARIETY : ตั้งแต่ AF จนถึงปัจจุบัน อ๊อฟ ปองศักดิ์ ไม่เคยหายไปจากวงการบันเทิงเลยในขณะที่คนอื่นมีหายไปบ้าง อ๊อฟมีเคล็ดลับอย่างไร
อย่างแรกสำหรับเรา 1 คือโอกาส 2 คือ Attitude ในการทำงาน 3 คือ ความเป็นตัวตนของเรา แล้วพอทุกอย่างรวมกันมันจะมาเจอข้อที่ 4 คือกลุ่มแฟนเพลง ถ้าเราสามารถรักษา 4 อย่างนี้และทำให้มันดียิ่งขึ้น ก็จะทำให้เราได้มีโอกาสทำอย่างต่อเนื่อง
TTM VARIETY : 4 อย่างที่อ๊อฟบอกมามีความสำคัญกับศิลปินใช่ไหม
สำคัญสิ ถ้าสมมติเราเป็นศิลปินที่ถึงจุดหนึ่งแล้วเราคิดว่าเราได้รับการตอบรับที่ดีมาก ๆ แล้วเราอยากจากทำเพลงในแบบที่เราอยากทำ โดยที่ไม่ได้สนว่าแบบกลุ่มแฟนเพลงของเราจะอยากฟังเพลงแนวที่เราชอบหรือเปล่าแล้วพอเราทำออกมา มันก็ไม่ได้รับผลตอบรับที่มันดี แทนที่เราจะเอาสิ่งที่เราชอบมาประกอบกับสิ่งที่แฟนเพลงเราอยากฟัง แฟนเพลงเราชอบฟังแนวนี้จากเรา เนื้อหาแบบนี้จากเรา แล้วก็มาปรับให้เจอตรงกลางดีกว่าไหม
TTM VARIETY : เพลงล่าสุดที่ร่วมกันกับ TJ ช่วงนี้กระแสฮิปฮอปกำลังมา
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเพลงแนวฮิปฮอปหรือแร็ปจะออกมาแล้วประสบความสำเร็จทุกเพลง สำหรับเรา เพลงเปล่าเจ้าชู้ที่ทำกับ TJ เราทำขึ้นมาเพราะว่า เราอยากเปลี่ยนภาพเราหรือว่าเราอยากจะเพิ่มเติมสีสันใหม่ ๆ ให้กับแนวดนตรีของเราหรือว่าแนวเพลงของเราที่แฟนเพลงของเราจะโอเค และเราก็รู้สึกว่าเพลงเปล่าเจ้าชู้ มันเป็นเพลงที่ทำออกมาแล้วมันพอดี อ๊อฟรู้สึกว่ามันพอดีนะ แล้วก็มันเป็นสิ่งที่เราชอบ แนวดนตรีที่เราชอบ ตอนในห้องอัด เวลาเราอัดเราอาจจะเขินก็จริง เพราะว่าเราไม่เคยร้องเพลงแบบนี้ เราไม่ได้ร้องสไตล์แบบนี้ ไม่ได้ร้องไปพูดไป เราไม่เคยไง
แต่ว่าเรามองภาพของตอนที่เราเป็น performance อยู่บนเวที เราจะรู้สึกว่าแบบ เฮ้ย! เพลงแบบนี้ มันจะเข้าปากเราและเราจะสนุกกับมัน อ๊อฟเลยรู้สึกว่ามันเป็นภาพใหม่ที่เรายังไม่เคยมี อ๊อฟเองเคยมีเพลงเร็ว แต่เพลงเร็วแต่ละเพลงที่ทำออกมา ก็ไม่ได้เป็นเพลงที่คนจะรู้จักหรือไม่ได้เป็นเพลงที่เรารู้สึกกับมันขนาดนั้น เราแค่อยากมีเพลงใหม่ มีภาพใหม่ ๆ แต่สุดท้ายก็ยังไม่เข้าปากอยู่ดี แต่กับเพลงนี้ทำไมไม่รู้ ร้องไปร้องมาแล้วเข้าปากเรา
TTM VARIETY : อ๊อฟ ปองศักดิ์ถือว่าเป็นนักร้องที่ประสบความสำเร็จ มีความฝันอะไรไหมที่ทำหล่นหายไปบ้างระหว่างทางที่มาถึงวันนี้
ถ้าถามว่าทุกวันนี้ประสบความสำเร็จหรือยัง ในมุมของอ๊อฟยังนะครับ อ๊อฟยังไม่ขนาดนั้น แต่อ๊อฟรู้สึกว่ายังได้รับโอกาสอยู่ตลอด เราก็ไม่ได้คว้าแค่โอกาส เราขวนขวาย พยายาม ฝึกฝน หาสิ่งแปลกใหม่เข้ามาเติมให้เรามีไฟที่จะทำงานในทุก ๆ วัน คืออ๊อฟเป็นคนที่แบบ ทุกวันต่อให้ร้องเพลงเดิม แบบเดิม ดนตรีทำนองเดิม แต่ว่าในแต่ละวันที่อ๊อฟร้องก็ไม่เหมือนเดิม ฟีลลิ่งมันก็ต่างกัน และอ๊อฟรู้สึกว่าในทุก ๆ วันอ๊อฟต้องหาเรื่องท้าทายให้กับตัวเองในการที่ทำยังไงก็ได้ให้เรารู้สึกตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลากับการที่เราร้องเพลงเดิมเป็นพัน ๆ รอบ
แต่ระหว่างทางที่มาถึงทุกวันนี้ มันก็มีสิ่งที่เราอยากจะทำเพิ่มมากขึ้น และสิ่งที่เราเคยอยากจะทำและหายไป สุดท้ายแล้วอ๊อฟก็จะเจอสิ่งที่อ๊อฟชอบเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้วนั่นคือการร้องเพลง และเราก็จะเจอเป้าหมายในชีวิตว่าในบั้นปลายชีวิตเราไม่ได้อยากจะเป็นนักร้องดัง มีชื่อเสียง มีแฟนคลับเยอะแยะมากมาย แต่ถ้าได้ก็ถือเป็นโอกาสที่ดี แต่ถ้าไม่มีเราก็ไม่ได้รู้สึกเสียดาย จริง ๆ ตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้เราไม่ได้มีสิ่งที่ติดตัวมานอกจากความชอบก็คือการร้องเพลง ทุกวันนี้ที่เราใช้อยู่ 15 ปี ก็คือกำไรชีวิตแล้ว
TTM VARIETY : คิดว่า passion ในการร้องเพลงหรือการโชว์จะมีหมดไปไหม
ไม่มีจริง ๆ เพราะว่าการที่เราขึ้นไปอยู่บนเวทีมันคือความสุขของเรา เรารักที่จะอยู่บนเวที การที่เราขึ้นไปร้องเพลงต่อให้ทำสัมภาษณ์ทั้งวันเหนื่อยมาก เราต้องพูดเรื่องเดิม ๆ มากมาย แต่ทำไมก็ไม่รู้ การร้องเพลงอยู่บนเวทีต่อให้สคริปต์เดิม แต่เรามีความสุข มันมีเรื่องที่ท้าทายตัวเองอยู่ตลอดเวลา ว่าเราจะร้องยังไงให้รเรารู้สึกตื่นเต้นกับมัน
TTM VARIETY : เคยอ่านเจอมาอ๊อฟเคยบอกว่าไม่คิดว่าตัวเองร้องเพลงดี แต่มั่นใจว่าเป็นคนที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้ดี
เรื่องจริงนะ คนที่เนื้อเสียงดีกว่าเรามีเยอะมาก คนที่ร้องเพลงเก่งกว่าเรามีอีกเยอะมาก แต่ว่าเราสามารถพูดได้โดยไม่อายเลยนะ ว่าเราต้องเป็นหนึ่งในสาม ในการที่ถ้าเราร้องเพลง เพลงอะไรก็ได้ หรือว่าเพลงใครก็ได้ แล้วเราจะนำพาความรู้สึกของเพลงนั้นไปถึงคนดูให้ได้ เราต้องมีติดโผหนึ่งในสามของนักร้องที่แบบ สามารถนำอารมณ์ไปถึงคน
TTM VARIETY : อ๊อฟ ปองศักดิ์ก้าวมาถึงจุดสูงสุดที่หวังไว้หรือยัง
จุดสูงสุดของแต่ละปีมันก็เปลี่ยนไป บางปีที่กระแสเรามามาก ๆ แล้วจำนวนงานจำนวนคนตามเรามันเยอะมาก ๆ เราก็รู้สึกพอใจกับปีนั้นว่าเราประสบความสำเร็จมาก ๆ แล้ว แต่พอปีถัดไปเรารู้สึกว่าชีวิตเรามันเป็นกราฟ มีขึ้นมีลง กราฟไหนที่ลงเราก็จะหาจุดพอดีของเราเองจนเจอ อ๊อฟจะไม่มาแบบ ทำไมเดือนนี้งานน้อยจังเลยวะ เอาจริง ๆ อ๊อฟจะไม่ห่วงตัวเองเพราะว่าทุกวันนี้เราอยู่ได้นะ ถ้าไม่มีคนจ้างเราก็อยู่ได้นะ หรือว่าไม่มีงานเราก็สามารถทำอย่างอื่นได้ แต่ว่าทุกวันนี้ที่อ๊อฟอยากมีงานทุกวันเพราะว่า หนึ่งคือเรารักที่จะขึ้นไปอยู่บนเวที สองคืออ๊อฟห่วงคนที่อยู่ข้างหลังเรา ไม่ว่าจะเป็นพี่ ๆ นักดนตตรีที่เล่นให้เรา คือมันกลายเป็นอยู่ในครอบครัวแล้ว และเป็นครอบครัวที่รักในการทำอะไรคล้าย ๆ กัน แล้วถ้าเกิดวันหนึ่งมันขาดหายไป อ๊อฟเองอยู่ได้ แต่ว่าคนอื่น ๆ เขาจะอยู่กันยังไง เราก็ต้องยิ่งพัฒนาโชว์ของเราให้มันดีขึ้นเพื่อให้อุดรอยโหวของการว่างงานออกไป
TTM VARIETY : เหนื่อยไหมกับทุกวันนี้
ไม่เหนื่อย สิ่งที่ทำให้เหนื่อยที่สุดคือการตื่นเช้า (หัวเราะ) นั่นแหละคือสิ่งที่จะทำให้เหนื่อยที่สุดคือการตื่นเช้า คือเราไม่มีปัญหากับการอยู่ดึก ตี 3 ตี 4 คือบู๊ สู้ตายจ้ะ เราสามารถนั่งสัมภาษณ์นั่งคุยกัน ถ่ายรายการดึก ๆ จนถึงตี 3 ตี 4 เราทำได้ แต่แบบ 7 โมงเช้าตื่นอย่างนี้ เราไม่ไหว
TTM VARIETY : ความสุขกับความทุกข์อะไรมากกว่ากันสำหรับการเป็นนักร้อง
ความสุขสิ เพราะว่าเอาจริงๆแล้วเราเข้ามาเป็นนักร้องเมื่อ 15 ปีที่แล้ว เราไม่มีอะไรมาเลยนะ เรามีแค่เสียงเรา เรามีแค่ความชอบความรักในการร้องเพลง หลังจากนั้นมันคือกำไร แล้ว 15 ปีมันเป็นกำไรที่มีแต่ความสุข ทุกอย่างมันเห็นได้ชัดว่ามันดีขึ้น ส่วนเรื่องที่มันจะทุกข์ มันคือเรื่องที่เราไปหยิบมาเอง ไปคิดมาเอง เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนนู้นคนนี้ เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับอดีต เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับอนาคต คิดนู่นคิดนี่ แทนที่จะอยู่กับปัจจุบันให้มันมีความสุขที่สุด
TTM VARIETY : Cyberbully กับ อ๊อฟ ปองศักดิ์ มีวิธีจัดการอย่างไร
ถ้าเป็นเราเมื่อก่อน ด่ามาก็ด่ากลับนะ แต่ว่าปัจจุบันนี้อ๊อฟรู้สึกว่า ก็ไม่ต้องแลกปะ เราก็มองย้อนกลับไปหาตัวเองว่าแบบ เมื่อก่อนเราก็เคยเป็นกลุ่มคนที่แบบ นั่งด่าดาราอยู่หน้าจอทีวี ทั้ง ๆ ที่มันก็ไม่ได้มีอะไรเลยนะ เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนะมันเป็นแค่ความสนุกปากของเราเฉยๆ แล้วเราก็เลยเข้าใจว่า อ๋อ ปัจจุบันนี้ เพราะว่า หนึ่งคือมันง่าย พอมันง่าย คนอยากจะพิมพ์อะไรก็ไม่ต้องคัดกรองอะไรมากหรอก เพราะว่ามันเร็ว เมื่อก่อนนี่นะ โอ้โห พิมพ์ทีนึง เน็ตจะติดไม่ติดไม่รู้ พอข้อความมันไม่ไป ขี้เกียจส่งแล้ว เห็นมั้ย อ๊อฟเลยมีวิธีการยับยั้งชั่งใจตัวเองในการที่จะคอมเมนต์อะไรก็ตาม จะใช้วิธีการพิมพ์ บางทีพิมพ์ไว้ก่อน แล้วก็อ่าน แล้วถ้าเกิดว่า ถ้าเป็นเราโดนแบบนี้หรือว่าถ้าเราอ่านประโยคนี้แล้วเราจะรู้สึกยังไงวะ คนที่เขาได้อ่าน ก็ต้องรู้สึกเหมือนกัน ลบดีกว่า อ๊อฟเป็นอย่างนี้ พอเรามีเวลาได้อ่านในสิ่งที่เรากำลังจะพิมพ์ มันสะท้อนความรู้สึกเราไง
TTM VARIETY : 15 ปี ได้เรียนรู้อะไรบ้างกับการเป็น อ๊อฟ ปองศักดิ์
อ๊อฟจะแยกเป็น 2 พาร์ท พาร์ทที่เราเป็นคนมองอ๊อฟ ปองศักดิ์ และพาร์ทที่เราเป็นตัวเอง เวลามองศิลปินที่ชื่อ อ๊อฟ ปองศักดิ์ อ๊อฟรู้สึกว่าเขามีพัฒนาการในทุกอย่างรอบด้าน ในเรื่องของผลงานก็จะมีบางปี บางอัลบั้มที่ไม่ได้ประสบความสำเร็จขนาดนั้น ในฐานะที่เราเป็นคนดูเราก็จะรู้สึกว่าบางช่วงก็จะมีความตั้งใจที่แตกต่างกันไป บางช่วงปีไหนที่ดังมาก มีงานเยอะ เขาก็จะมีมุมมองในการที่จะทำอะไรต่าง ๆ ที่เปลี่ยนไป
แต่ถ้ามองในมุมที่เราเป็น อ๊อฟ ปองศักดิ์ เราได้เรียนรู้ว่า 15 ปีที่ผ่านมามันมีอะไรเยอะแยะมากมาย เราได้รู้ว่าการเข้าใจวัฏจักรของวงการมันเป็นอย่างไร มันก็เหมือนชีวิต เป็นกราฟ ขึ้น ๆ ลง ๆ บางทีที่สเต็ปชีวิตมันดีมาก รุ่งโรจน์มาก ก็ขึ้น ๆ บางปี 365 วัน มีงานประมาณ 340 วัน มันก็เลยทำให้เราเข้าใจ เพราะเราผ่านทุกช่วงมาแล้ว ตั้งแต่ยุคที่เป็นเทปคาสเซ็ท ยุคดาวน์โหลด ยุคยอดขายซีดี เราเลยเข้าใจเรื่องของยอดขาย ยอดดาวน์โหลดต่าง ๆ เราเลยต้องมีกระบวนการคิดที่ดีขึ้น เรารู้สึกว่าเราได้พัฒนาจากการที่ หนึ่งเราโอกาสขึ้นหลายๆคอนเสิร์ต เราได้มีโอกาสทำงานกับนักร้องเก่ง ๆ ทีมงานเก่ง ๆ โปรดิวเซอร์เก่ง ๆ เราเลยรู้สึกว่ามันเป็นกำไรชีวิตมาก ให้เรามีเงินแค่ไหนก็หาไม่ได้กับประสบการณ์แบบนี้
TTM VARIETY : เราจะได้เห็นอ๊อฟ ปองศักดิ์ในรูปแบบที่แตกต่างอีกไหม
แค่ทำทุกอย่างให้มันดีขึ้น พัฒนาให้มันดีขึ้น มันเป็นเรื่องที่ท้าทายตรงที่ถ้าเราจะมีอะไรที่เป็นแบบเดิมแต่ครั้งใหม่เราจะทำยังไงให้มันดีขึ้น
TTM VARIETY : ช่วงที่หนักที่สุดในปลายปีที่แล้ว ทั้งเรื่องคุณแม่และจัดคอนเสิร์ต ช่วงนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
หนักสิ อย่างที่บอกว่าเราเป็นคนแบ่งโหมด เราแยกโหมดชีวิตส่วนตัวกับโหมดงานออกไปอย่างชัดเจน มันก็เป็นธรรมดาที่บางแว๊บอาจจะเอาทั้งสองสิ่งมารวมกัน บางทีก็สติหลุดไป ตอนแรกก็คิดว่าไหว สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ไหว ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่างมันแย่ลงไปเรื่อย ๆ เราก็เลยต้องขอพักดูแลจิตใจ พักดูแลคุณแม่ด้วย โชคดีที่ทีมงานและพี่ฉอดเขาเห็นว่าพ้องต้องกันว่าดีแล้ว
TTM VARIETY : พร้อมไหมสำหรับคอนเสิร์ตที่กำลังจะมาถึง
พร้อมมาก ก็ถ้าถามว่า ในด้านของสภาพจิตใจในมุมที่เป็นชีวิตส่วนตัวพร้อมไหม พร้อม แต่ไม่ได้ 100% นะ แต่ถ้าสภาพจิตใจด้านงานพร้อมมาก เพราะว่าหลายๆคน มักจะถามว่า ตอนนี้โอเคขึ้นหรือยัง ดีขึ้นไหม ก็ดีขึ้นสิ เวลามันได้ฮีลเราแล้ว เวลามันรักษาแผลของเราบางอย่างไปแล้ว แต่ว่า เมื่อถามว่าร้อยหรือยัง ก็ยังไม่ 100% มันแบบ 80% 90% อะไรอย่างนี้แหละ แต่ว่ามันก็ดีขึ้น เพราะมันเพิ่งผ่านมาไม่กี่เดือนเอง 3 เดือน 4 เดือนเอง
TTM VARIETY : ห่างหายจากคอนเสิร์ตเดี่ยวมา 5 ปีแล้ว ตื่นเต้นกับอะไรมากที่สุด
กับเรื่องโชว์ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น หมายถึงอ๊อฟไม่ได้กังวลหรือกดดันในเรื่องของโชว์เรารู้สึกมีความสุขที่จะได้ทำมัน แต่เรื่องที่ตื่นเต้นที่สุดคือ บัตร (หัวเราะ) เราอยากให้คนมาดูในสิ่งที่เราตั้งใจทำ มาร่วมสนุก ไม่ว่าจะเป็นพาร์ทเพลงเร็ว พาร์ทเพลงสนุก อบอุ่นน่ารัก พาร์ทเม้าส์มอย มันมีครบรส เราอยากให้คนเข้ามาดูกันเยอะ ๆ ด้วยความที่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว พอเราเปิดขายบัตรพร้อมกับแถลงข่าว บัตรหมดภายใน 5 นาที เลยทำให้คราวที่แล้ว 3 รอบเต็ม เรื่องของความสนุก คนดูได้รับแน่ ๆ เราและทีมงานก็ตั้งใจทำเต็มที่ เราอยากให้คนมาดูเราเยอะ ๆ มาสนุกกันเยอะ ๆ และอีกอย่างหลังจากคอนเสิร์ตครั้งนีเราคงไม่ทำคอนเสิร์ตเดี่ยวของตัวเองแล้ว สำหรับอ๊อฟอีก 5 ปี 10 ปีคงยังไม่ทำ เพราะเราอยากไปพักก่อน คิดว่าน่าจะเป็นคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งสุดท้ายของเราเหมือนกัน
TTM VARIETY : ทำไมต้องเป็น Magic night concert คืนมหัศจรรย์วันของ อ๊อฟ ปองศักดิ์
เราไม่อยากให้เป็นมันคอนเสิร์ตแบบ celebrate แล้ว เราอยากให้เป็นคอนเสิร์ตที่มาสนุกกันเป็นธีมปาร์ตี้กันไปเลย Magic night concert ก็เลยเป็นเรื่องราวมหัศจรรย์ของเรา ที่เราก็คิดว่าโชว์แบบนี้ เราก็ยังไม่เคยทำ โชว์แบบนี้สิ่งที่เราคิด ถ้ามันเป็นไปได้ตามภาพที่เราคิดไว้นะ มันจะต้องแบบ มันจะต้องเป็นอะไรที่มัน Magic อ่ะ มันเหมือนเวทย์มนตร์ มันเหมือนสิ่งมหัศจรรย์ เราจะต้องทำให้มันได้
TTM VARIETY : กับแขกรับเชิญก็จะมีโชว์พิเศษร่วมกัน
ธีมคอนเสิร์ตในครั้งนี้มันเป็นโชว์ ความสนุก ความอบอุ่น ความตลก การทอล์ก อะไรที่มันเหลือเชื่อ เราจะจัดโชว์ในมีความแปลกและแตกต่าง คือใครจะคิดว่าอ๊อฟจะอยู่กับโจ๊กแล้วมันจะเป็นยังไง มันก็คิดภาพไม่ออก ถูกป่ะ หรือ ก็คิดภาพไม่ออกว่าอ๊อฟจะอยุ่กับมีมี่ ลี แล้วจะเป็นยังไง ถูกมั้ย หรือเราจะอยู่กับ Urboy TJ ยังไง ให้มันดูแบบเข้ากันและก็ไม่รู้สึกแปลก นี่มันเป็นสิ่งที่แบบ แค่เรา ตอนที่เรานั่งประชุมกัน นั่งคุยกันหรือเจอกัน มันก็มีความแตกต่างที่ลงตัว
TTM VARIETY : ฝากแฟนๆต้องเตรียมตัวเตรียมใจยังไงกับการไปคอนเสิร์ตครั้งนี้
ไม่ต้องเตรียมใจ เพราะเรื่องของใจอ๊อฟจะดูแลเอง เราจะดูแลจะมอบความสุขให้เต็มที่ ส่วนเรื่องที่ต้องเตรียม เตรียมเงินไปซื้อบัตรเลยจ้า บอกเลยว่าคอนเสิร์ตในครั้งนี้แค่เห็น ชื่อ แขกรับเชิญ แค่คิด เราก็รู้สึกว่า คอนเสิร์ตนี้มันต้องไม่พลาดดิวะ เพราะว่า เพลงเพราะ คุณก็ได้ฟังแน่ๆ ไม่ใช่แค่จากเรา เราอาจจะไม่ได้ร้องเพราะขนาดนั้น แต่ว่ามันมีแบบ พี่ตั๊ก ปุยฝ้าย เสียงดีมากเลย มีมี่ ลี แล้ว นนท์ ธนนท์ ร้องเพลงเพราะขนาดนี้ คุณจะพลาดหรอ แล้วส่วนพาร์ทสนุกเนี่ย ไม่ต้องห่วง พี่ฮายพี่ตั๊กปุยฝ้ายก็คือ ตายไปละ โจ๊กอีกคน ไม่ต้องสืบ คอนเสิร์ตนี้มันครบรสมาก และช่วงที่ผ่านมาของบ้านเมืองก็ค่อนข้างตึงเครียด อ๊อฟเลยอยากให้คอนเสิร์ตนี้เป็นเครื่องบรรเทาความเครียดได้ ให้มามีความสุขร่วมกัน บรรยากาศก็จะอบอุ่น ๆ น่ารัก ๆ
MAGIC NIGHT CONCERT คืนมหัศจรรย์วันของ อ๊อฟ ปองศักดิ์
สถานที่แสดง : รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5
วันแสดง : วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2563, 19:00 น. วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563, 17:00 น.
ราคาบัตร 4,500 / 4,000 / 3,500 / 3,000 / 2,500 / 2,000 บาท
ซื้อบัตรคลิก >> bit.ly/38s0FBY