ผังการแสดง & รอบการแสดง
รายละเอียด
“ซัมซุง กาแล็คซี่ พรีเซ้นท์ส ซาวด์บ็อกซ์”
รวมพลคนปาร์ตี้ 24 พ.ย. นี้ กับศิลปินดูโอ้มาแรง “บรูดส์”
พร้อมด้วยศิลปินไทยคุณภาพ “อาร์มแชร์” และ “โต๋ ศักดิ์สิทธิ์”
กลับมาอีกครั้งสำหรับงานดนตรีคุณภาพ “ซาวด์บ็อกซ์” (SOUNDBOX) กับการนำสุดยอดยอดศิลปินหน้าใหม่มากความสามารถและกำลังมาแรงมาเปิดการแสดงในเอเชีย ด้วยผลงานการสร้างสรรค์โดย ไลฟ์ เนชั่น บีอีซี-เทโร (Live Nation BEC-TERO) และสนับสนุนโดย ซัมซุง กาแล็คซี่ (SAMSUNG Galaxy) หลังกระแสตอบรับจากการจุดพลุครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ดีงามเหนือความคาดหมาย ครั้งนี้ “ซัมซุง กาแล็คซี่ พรีเซ้นท์ส ซาวด์บ็อกซ์” (SAMSUNG Galaxy Presents SOUNDBOX) จึงเปรียบเสมือนจุดนัดพบคนเสพดนตรี ปาร์ตี้สังสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจกับแก๊งค์เพื่อนเพื่อปลดปล่อยความเป็นตัวเอง โดยได้ศิลปินหน้าใหม่ไฟแรง “บรูดส์” (BROODS) ดูโอ้พี่น้องจากนิวซีแลนด์ พร้อมด้วยศิลปินไทยคุณภาพอย่าง อาร์มแชร์ และ โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ มาร่วมมอบความสนุกสุดมันส์ให้กับแฟนเพลงชาวไทย ในวันอังคารที่ 24 พฤศจิกายนนี้ ที่ ออนิกซ์ อาร์ ซี เอ (ONYX RCA)
“บรูดส์” (BROODS) คู่ดูโอ้พี่น้องหน้าตาดี คาเลบ (Caleb) และ จอร์เจีย นอทท์ (Georgia Nott) จากเมืองเนลสัน เป็นศิลปินน้องใหม่ที่โด่งดังมากที่สุดจากนิวซีแลนด์ในตอนนี้ พวกเขาเปิดตัวด้วยผลงานเพลงแนว บัลลาด ซินธ์ป็อป อย่างเพลง บริดเจ็ส (Bridges), เนเวอร์ กอนน่า เชนจ์ (Never Gonna Change) และอีกหลายเพลงฮิตที่มียอดชมในยูทูปสูงลิ่ว สำหรับการทัวร์คอนเสิร์ตของ “บรูดส์” (BROODS) นั้น ได้มีการเพิ่มรอบการแสดงขึ้นเรื่อยๆ ในอเมริกา, สหราชอาณาจักร, แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ทำให้ผลงานทางด้านดนตรีและการแสดงสดของพวกเขาพัฒนาขึ้นมาก บัตรคอนเสิร์ตในหลายๆ ทัวร์ที่ “บรูดส์” (BROODS) ขึ้นเล่นเป็นวงหลักถูกขายหมดเกลี้ยง รวมถึงทัวร์ที่จัดในอเมริกาและแคนนาดาซึ่งยาวนานถึงหนึ่งเดือนก็ถูกขายหมดเช่นกัน “บรูดส์” (BROODS) เคยร่วมเล่นเปิดคอนเสิร์ตให้กับ เอลลี่ โกลดิ้ง (Ellie Goulding), ไฮม์ (Haim), เชอร์เชส (CHVRCHES) และทัวร์ของป็อปสตาร์ชื่อดังชาวอังกฤษ แซม สมิธ (Sam Smith) ในอเมริกา ที่บัตรเข้าชมก็ถูกขายหมด ตามคาด ถือเป็นเครื่องการันตีคุณภาพผลงานและความสามารถของดูโอ้คู่นี้ได้เป็นอย่างดีทีเดียว
นอกจากนี้ ยังมีวงอินดี้ไทยมากฝีมืออย่าง “อาร์มแชร์” ศิลปินขวัญใจคนมีสไตล์ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการมานานหลายปี และมีเพลงดังๆ มากมาย อาทิ รึเปล่า, รักแท้ ฯลฯ และอีกหนึ่งศิลปินไทยมากความสามารถ “โต๋ ศักดิ์สิทธิ์” ที่จะมาร่วมโชว์และแชร์ประสบการณ์ทางดนตรีบนเวที “ซัมซุง กาแล็คซี่ พรีเซ้นท์ส ซาวด์บ็อกซ์” (SAMSUNG Galaxy Presents SOUNDBOX) ในครั้งนี้ด้วย
เตรียมนัดรวมพลคนปาร์ตี้ เสพงานดนตรี ในคอมมูนิตี้ของคนมีเอกลักษณ์ กับ “ซัมซุง กาแล็คซี่ พรีเซ้นท์ส ซาวด์บ็อกซ์” (SAMSUNG Galaxy Presents SOUNDBOX) ในวันอังคารที่ 24 พฤศจิกายนนี้ ที่ ออนิกซ์ อาร์ ซี เอ (ONYX RCA) บัตรราคา 1,500 บาท เปิดจำหน่ายในวันเสาร์ที่ 31 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป ที่ไทยทิคเก็ตเมอเจอร์ ทุกสาขา และ www.thaiticketmajor.com หรือโทร 0-2262-3838 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.soundbox.asia และติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวได้ที่ www.facebook.com/bectero/ Twitter: @BEC Tero Ent/ Instagram: BECTERO_ENTERTAINMENT
ตารางการแสดง
18.00 น. ประตูเปิด
19.00 น. โต๋ ศักสิทธิ์ (ToR+ Saksit)
19.45 น. อาร์มแชร์ (ARMCHAIR)
21.00 น. บรูดส์ (BROODS)
ประวัติศิลปิน
วง บรูดส์ (BROODS) มีสมาชิกประกอบไปด้วย 2 พี่น้อง คาเลบ (Caleb) และ จอร์เจีย นอทท์ (Georgia Nott) เป็นวงรุ่นใหม่ที่กำลังโด่งดังมากที่สุดจากนิวซีแลนด์ในตอนนี้ พวกเขาเปิดตัวด้วยเพลงบัลลาด ซินธ์ป็อป ใสๆ อย่างเพลง บริดเจ็ส (Bridges) และ เนเวอร์ กอนน่า เชนจ์ (Never Gonna Change) และอัลบั้มอีพีเปิดตัวที่มีชื่อเดียวกับชื่อวง ด้วยความมุมานะและความทุ่มเทที่จะผลิตเพลงดีๆและตัวตนที่ชัดเจน วงบรูดส์ได้ก้าวขึ้นมาเป็นวงหน้าใหม่ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก “การทัวร์คอนเสิร์ตทำให้เรารู้ว่าสิ่งสำคัญไม่ใช่แค่การเป็นตัวของตัวเอง แต่การผลักดันตัวเองก็สำคัญเช่นกัน ถ้าคุณไม่ใช่ตัวจริง คุณไม่มีทางโดดเด่นกว่าคนอื่น” จอร์ เจีย กล่าว
การทัวร์คอนเสิร์ตที่เพิ่มรอบการแสดงขึ้นเรื่อยๆ ในอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนนาดา และออสเตรเลีย ดนตรีและการแสดงสดของพวกเขาก็พัฒนาขึ้นมาก เพื่อก้าวผ่านความซ้ำซากของการแสดงของวงอื่นๆ บรูดส์ (BROODS) เรียนรู้วิธีเต้นเหมือนไม่มีใครมองอยู่ และร้องเหมือนไม่มีคนฟัง “เรารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก เราสนุกไปกับช่วงเวลานั้น เราสนใจแค่ว่าจะทำให้การแสดงแต่ละครั้งพิเศษได้อย่างไร” คาเลบ กล่าว ทัวร์คอนเสิร์ตที่มีวง บรูดส์ (BROODS) เป็นวงหลักสามารถขายบัตรหมดได้หลายทัวร์ รวมถึงทัวร์ที่จัดในอเมริกาและแคนาดาซึ่งยาวนานถึงหนึ่งเดือน พวกเขาเคยร่วมแสดงกับ เอลลี่ โกลดิ้ง (Ellie Goulding) ไฮม์ (Haim) เชอร์เชส (CHVRCHES) และเป็นวงร่วมในการทัวร์ของ ป็อปสตาร์ชื่อดังชาวอังกฤษ แซม สมิธ (Sam Smith) ในอเมริกาที่บัตรก็ถูกขายหมดเกลี้ยง
เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ความโด่งดังของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากปล่อยอัลบั้มแรกชื่อ เอเวอร์กรีน (Evergreen) ที่โปรดิวซ์โดย โจเอล ลิตเติ้ล (Joel Little) อัลบั้มนี้เปิดตัวอันดับ 1 ในชาร์ทอัลบั้มเพลงในนิวซีแลนด์ ติดอันดับ 5 ในชาร์ทออสเตรเลีย และติดท็อป 50 ในอเมริกา
ในอัลบั้ม เอเวอร์ กรีน บรูดส์ (BROODS) ได้แสดงให้เห็นด้วยถึงแนวดนตรีที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวและสละสลวย ชัดเจนด้วยจังหวะหนักหน่วงผสมกับท่วงทำนองฮุคแนวป็อปที่เต็มไปด้วยซาวด์ดนตรีและการประสานเสียง ซึ่งเป็นซาวด์ดนตรีที่ให้ความรู้สึกเหมือนวัยรุ่นที่กำลังโตและพร้อมจะก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่ แต่รู้สึกว่ากำลังหลงทางในโลกใบนี้ และพยายามตามหาคำตอบของการมีชีวิตอยู่ และค้นหาตัวตนของตัวเอง
ด้วยจำนวนการเข้าฟังเพลงผ่านช่องทาง ซาวด์คลาวด์ (Soundcloud) ไฮพ์ แมชชีน (Hype Machine) ไอทูนส์ (iTunes) และยูทูป (YouTube) ที่สูงจนน่าแปลกใจ รวมถึงแรงสนับสนุนจากคนดังอย่าง เซน โลว์ (Zane Lowe) ของวิทยุ BBC Radio 1 และเจ้าของบล็อคดนตรีชื่อดังอย่าง พิเจียนส์ แอนด์ เพลนส์ (Pigeons and Planes) บรูดส์ (BROODS) ได้เปลี่ยนความฝันวัยรุ่นของพวกเขาให้กลายเป็นความจริง นอกจาก บริดเจ็ส (Bridges) จะกลายเป็นเพลงฮิตแล้ว เพลงนี้ยังได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัล APRA AMCOS 2014 Silver Scroll Award และวงยังได้รับรางวัล Breakthrough Artist of the Year จากงาน Vodafone New Zealand Music Awards “เราไม่ได้มองความสำเร็จนี้เป็นเรื่องปกติ” จอร์เจีย กล่าว “เรายังคงมุ่มมั่นทำงานกันอยู่เสมอ นี่คือสิ่งที่เราทำตอนนี้ มันคือชีวิตของเรา” คาเลบ เสริม
อาร์มแชร์ (ARMCHAIR)
การทัวร์คอนเสิร์ตที่เพิ่มรอบการแสดงขึ้นเรื่อยๆ ในอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนนาดา และออสเตรเลีย ดนตรีและการแสดงสดของพวกเขาก็พัฒนาขึ้นมาก เพื่อก้าวผ่านความซ้ำซากของการแสดงของวงอื่นๆ บรูดส์ (BROODS) เรียนรู้วิธีเต้นเหมือนไม่มีใครมองอยู่ และร้องเหมือนไม่มีคนฟัง “เรารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก เราสนุกไปกับช่วงเวลานั้น เราสนใจแค่ว่าจะทำให้การแสดงแต่ละครั้งพิเศษได้อย่างไร” คาเลบ กล่าว ทัวร์คอนเสิร์ตที่มีวง บรูดส์ (BROODS) เป็นวงหลักสามารถขายบัตรหมดได้หลายทัวร์ รวมถึงทัวร์ที่จัดในอเมริกาและแคนาดาซึ่งยาวนานถึงหนึ่งเดือน พวกเขาเคยร่วมแสดงกับ เอลลี่ โกลดิ้ง (Ellie Goulding) ไฮม์ (Haim) เชอร์เชส (CHVRCHES) และเป็นวงร่วมในการทัวร์ของ ป็อปสตาร์ชื่อดังชาวอังกฤษ แซม สมิธ (Sam Smith) ในอเมริกาที่บัตรก็ถูกขายหมดเกลี้ยง
เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ความโด่งดังของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากปล่อยอัลบั้มแรกชื่อ เอเวอร์กรีน (Evergreen) ที่โปรดิวซ์โดย โจเอล ลิตเติ้ล (Joel Little) อัลบั้มนี้เปิดตัวอันดับ 1 ในชาร์ทอัลบั้มเพลงในนิวซีแลนด์ ติดอันดับ 5 ในชาร์ทออสเตรเลีย และติดท็อป 50 ในอเมริกา
ในอัลบั้ม เอเวอร์ กรีน บรูดส์ (BROODS) ได้แสดงให้เห็นด้วยถึงแนวดนตรีที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวและสละสลวย ชัดเจนด้วยจังหวะหนักหน่วงผสมกับท่วงทำนองฮุคแนวป็อปที่เต็มไปด้วยซาวด์ดนตรีและการประสานเสียง ซึ่งเป็นซาวด์ดนตรีที่ให้ความรู้สึกเหมือนวัยรุ่นที่กำลังโตและพร้อมจะก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่ แต่รู้สึกว่ากำลังหลงทางในโลกใบนี้ และพยายามตามหาคำตอบของการมีชีวิตอยู่ และค้นหาตัวตนของตัวเอง
ด้วยจำนวนการเข้าฟังเพลงผ่านช่องทาง ซาวด์คลาวด์ (Soundcloud) ไฮพ์ แมชชีน (Hype Machine) ไอทูนส์ (iTunes) และยูทูป (YouTube) ที่สูงจนน่าแปลกใจ รวมถึงแรงสนับสนุนจากคนดังอย่าง เซน โลว์ (Zane Lowe) ของวิทยุ BBC Radio 1 และเจ้าของบล็อคดนตรีชื่อดังอย่าง พิเจียนส์ แอนด์ เพลนส์ (Pigeons and Planes) บรูดส์ (BROODS) ได้เปลี่ยนความฝันวัยรุ่นของพวกเขาให้กลายเป็นความจริง นอกจาก บริดเจ็ส (Bridges) จะกลายเป็นเพลงฮิตแล้ว เพลงนี้ยังได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัล APRA AMCOS 2014 Silver Scroll Award และวงยังได้รับรางวัล Breakthrough Artist of the Year จากงาน Vodafone New Zealand Music Awards “เราไม่ได้มองความสำเร็จนี้เป็นเรื่องปกติ” จอร์เจีย กล่าว “เรายังคงมุ่มมั่นทำงานกันอยู่เสมอ นี่คือสิ่งที่เราทำตอนนี้ มันคือชีวิตของเรา” คาเลบ เสริม
อาร์มแชร์ (ARMCHAIR)
อาร์มแชร์ (ARMCHAIR) เกิดจากการรวมตัวของ 4 หนุ่มเท่ห์ โย่ง (ร้องนำ), ผึ้ง (กีต้าร์), จ้อ (เบส) และ อ้วน (ฟลูต, คีย์บอร์ด) จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และศิษย์เก่า โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
ผลงานอัลบั้มชุดแรกคือ “PASTEL MOOD” เป็นแนวเพลงแบบ Bossanova / Retro Pop ซึ่งเหมือนการบำบัดอารมณ์ด้วยเสียงเพลงสดใสฟังสบาย โดยในขณะนั้นถือว่าเป็นแนวดนตรีแบบใหม่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง โดยมีเพลงเด่นในอัลบั้มอย่าง “อบเชย “และ “อยากกลับไปหา” จากนั้นตามมาด้วย “DESIGN” อัลบั้มที่ 2 กับแนวเพลงที่มีความเป็น Pop มากขึ้น โดยมีเพลงเด่นอย่าง “Minute of Love”, “วันที่ฉันป่วย” และ “รึเปล่า” อัลบั้มชุดที่ 3 “SPRING” เป็นอัลบั้มที่ อาร์มแชร์ (ARMCHAIR) มีส่วนร่วมในการทำเพลงอย่างมาก ทั้งเมโลดี้และแนวเพลง รวมถึงเนื้อร้อง โดยมีเพลงเด่นอย่าง “รักแท้” และ “พรุ่งนี้” จากนั้น อาร์มแชร์ได้นำเอาเพลงเก่าๆ มาทำเป็น Acoustic เอาไว้ในอัลบั้มชุดที่ 4 “Tender” ผลงานที่ผ่านมานอกจากจะมีกลุ่มแฟนเพลงที่ชื่นชอบแล้ว อาร์มแชร์ (ARMCHAIR) ยังได้รับการชื่นชมจากสื่อต่างๆ มากมาย ทั้งในเนื้อหาเพลง ทำนอง และคาร์แรคเตอร์ของสมาชิกในวงด้วย
โต๋ ศักดิ์สิทธิ์
ผลงานอัลบั้มชุดแรกคือ “PASTEL MOOD” เป็นแนวเพลงแบบ Bossanova / Retro Pop ซึ่งเหมือนการบำบัดอารมณ์ด้วยเสียงเพลงสดใสฟังสบาย โดยในขณะนั้นถือว่าเป็นแนวดนตรีแบบใหม่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง โดยมีเพลงเด่นในอัลบั้มอย่าง “อบเชย “และ “อยากกลับไปหา” จากนั้นตามมาด้วย “DESIGN” อัลบั้มที่ 2 กับแนวเพลงที่มีความเป็น Pop มากขึ้น โดยมีเพลงเด่นอย่าง “Minute of Love”, “วันที่ฉันป่วย” และ “รึเปล่า” อัลบั้มชุดที่ 3 “SPRING” เป็นอัลบั้มที่ อาร์มแชร์ (ARMCHAIR) มีส่วนร่วมในการทำเพลงอย่างมาก ทั้งเมโลดี้และแนวเพลง รวมถึงเนื้อร้อง โดยมีเพลงเด่นอย่าง “รักแท้” และ “พรุ่งนี้” จากนั้น อาร์มแชร์ได้นำเอาเพลงเก่าๆ มาทำเป็น Acoustic เอาไว้ในอัลบั้มชุดที่ 4 “Tender” ผลงานที่ผ่านมานอกจากจะมีกลุ่มแฟนเพลงที่ชื่นชอบแล้ว อาร์มแชร์ (ARMCHAIR) ยังได้รับการชื่นชมจากสื่อต่างๆ มากมาย ทั้งในเนื้อหาเพลง ทำนอง และคาร์แรคเตอร์ของสมาชิกในวงด้วย
โต๋ ศักดิ์สิทธิ์
ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร หรือ “โต๋” เป็นศิลปินที่มีความสามารถทางการเล่นเปียโน จน บอย โกสิยพงษ์ ศิลปิน-โปรดิวเซอร์ ผู้ก่อตั้งค่ายเพลงเบเกอรี่ มิวสิค ติดต่อมาร่วมงานในโปรเจ็กต์ดนตรีที่ชื่อ B-5 ร่วมกับศิลปินหน้าใหม่อีก 4 คนเพื่อออกอัลบั้ม "Event" จากนั้น ได้มีผลงานอัลบั้มพิเศษต่างๆ ออกมา รวมถึงอัลบั้มเดี่ยวอย่างเป็นทางการชุดแรก “Tor+ Living in C Major" ในปี 2550 ที่มีเพลงฮิตอย่าง “รักเธอ”
ปี 2551 โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ ได้รับรางวัล “Thailand Favorite Artist” จากงาน เอ็มทีวี เอเชีย อวอร์ดส 2008 ที่จัดขึ้นที่เก็นติ้ง ประเทศมาเลเซีย หลังจากนั้นเขาปล่อยเพลงซิงเกิ้ลแรก จากอัลบั้มชุดที่ 2 “โต๋ (มั้ง?)” ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ในปี 2553-2554 เขามีผลงานเพลงไทยออกมาอีก 2 ชุดคือ “Piano & I Part III : Yesterday & Everyday” และ “Where Is Love” อันเป็นผลพวงของการได้ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์การเรียนและใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศไต้หวัน และในปี 2556 โต๋มีเพลงใหม่ออกมาให้แฟนเพลงได้ฟังกัน ในชื่อเพลงว่า “กั๊ก” ซึ่งเป็นแนวดนตรีสไตล์ใหม่ที่ผสมผสานกันระหว่างเปียโนและซาวน์ดอิเล็คโทรนิคได้อย่างลงตัว
ปี 2551 โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ ได้รับรางวัล “Thailand Favorite Artist” จากงาน เอ็มทีวี เอเชีย อวอร์ดส 2008 ที่จัดขึ้นที่เก็นติ้ง ประเทศมาเลเซีย หลังจากนั้นเขาปล่อยเพลงซิงเกิ้ลแรก จากอัลบั้มชุดที่ 2 “โต๋ (มั้ง?)” ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ในปี 2553-2554 เขามีผลงานเพลงไทยออกมาอีก 2 ชุดคือ “Piano & I Part III : Yesterday & Everyday” และ “Where Is Love” อันเป็นผลพวงของการได้ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์การเรียนและใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศไต้หวัน และในปี 2556 โต๋มีเพลงใหม่ออกมาให้แฟนเพลงได้ฟังกัน ในชื่อเพลงว่า “กั๊ก” ซึ่งเป็นแนวดนตรีสไตล์ใหม่ที่ผสมผสานกันระหว่างเปียโนและซาวน์ดอิเล็คโทรนิคได้อย่างลงตัว
-
เเท็กที่เกี่ยวข้อง :
- SAMSUNG Galaxy
- SOUNDBOX
- ซาวด์บ็อกซ์
- ออนิกซ์ อาร์ ซี เอ
- ONYX RCA
- ONYX
- บรูดส์
- BROODS
- อาร์มแชร์
- โต๋ ศักดิ์สิทธิ์
- concert
-
ช่องทางการจำหน่าย :
- Website
- Thaiticketmajor Outlets
- Thai Post
- Major Cineplex Outlets
- Call Center TTM 02-2623456
- Lotus's
- Big C