Elvis Tribute Concert to Elvisoot by Elvisoot JR.

คอนเสิร์ต

Elvis Tribute Concert to Elvisoot by Elvisoot JR.

  • calendar-white

    วันที่แสดง วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2559

  • pin-linear-white

    สถานที่แสดง ศาลาเฉลิมกรุง

  • clock-white

    ประตูเปิด ก่อนการแสดงเริ่มประมาณ 30 นาที

  • calendar-sale-white

    วันเปิดจำหน่าย วันพุธที่ 30 ธันวาคม 2558, 10:00 น.

แชร์
Elvis Tribute Concert to Elvisoot by Elvisoot JR.

ผังการแสดง & รอบการแสดง

ศาลาเฉลิมกรุง

ราคาบัตร

วันที่แสดง
เวลา
วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2559

สมาชิกเฉลิมกรุงรับส่วนลด 10%

รายละเอียด

รำลึก เอลวิส เพรสลี่ย์ & รำลึก เอล...วิสูตร ตุงคะรัต เอลวิสเมืองไทย
โดย ศตวรรษ ตุงคะรัต (ทายาท) ในคอนเสิร์ต 
Tribute Concert to Elvisoot
By Elvisoot Junior
 
ศาลาเฉลิมกรุงเปิดคอนเสิร์ตแรกแห่งปี 2559 รำลึก 14 ปี การจากไปของ วิสูตร ตุงคะรัต โดย แคมป์ ศตวรรษ ตุงคะรัต ทายาทที่ถอดแบบฉบับเอลวิส เพรสลี่ย์ จากการปลูกฝังของ เอล...วิสูตร ผู้เป็นพ่อ สืบทอดเจตนารมณ์ของพ่อ...เพื่อสืบสานตำนานเพลงร็อคแอนด์โรล เอลวิส เพรสลี่ย์ ในคอนเสิร์ต Tribute Concert to Elvisoot By Elvisoot Junior” ในวันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2559 เวลา 14.00 น. ณ ศาลาเฉลิมกรุง 

เป็นที่รู้จักกันดีกับเอลวิสรุ่นใหญ่ของเมืองไทย วิสูตร ตุงคะรัต ที่ถอดแบบทั้งวิธีการร้องเพลง   และลีลาการเต้นที่มีเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของเอลวิส เพรสลี่ย์ ราชาเพลงร็อคแอนด์โรล รวมถึงการแต่งกาย เสื้อผ้า ทรงผม จนเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาสาวกเอลวิสที่ให้การยอมรับและให้ฉายา Elvis of Asia ขอเชิญแฟนคลับเอลวิสร่วมรำลึก ... เอลวิส & เอลวิสูตร ไปกับทายาทคนสำคัญ แคมป์ ศตวรรษ ตุงคะรัต ลูกไม่หล่นใต้ต้นที่ถอดแบบผู้เป็นพ่อมาแบบเน้นๆ ทั้งหน้าตา ท่าทาง เสียงร้องและใจรัก พร้อมด้วยศิลปินรับเชิญ ตี๋ จีระศักดิ์ ปิ่นสุวรรณ เอลวิสรุ่นใหญ่เพื่อนรักของเอลวิสูตร จารึก วิริยะกิจ เพื่อนรุ่นน้องที่มีความผูกพันจากการเดินสาย ร้องเพลงทั่งโลก วสุ แสงสิงแก้ว(จิ๊ป รด.) เอลวิสหนุ่มใหญ่แห่งวงการบันเทิงที่ยึดแบบเอลวิสูตรเป็นไอดอล

ร่วมด้วยโชว์คุณภาพจาก วง Drifters วงดนตรีสตริงคอมโบไทยในอดีตที่วิสูตรเป็นผู้ก่อตั้งขึ้น นำโดย ไพฑูรย์ เสนานาญ (มือกีต้าร์ฝีมือฉกาจรุ่นใหญ่), วีรวัธน์ เทพโสธร (อดีตมือกีต้าร์ริทึ่มและนายกสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย ฯ ), ภาณุวัส พัฒนกุล (ปัจจุบันคือมือกลองแห่งวง ดิ อิมพอสซิเบิ้ล), แหลม มอริสัน (เจ้าของฉายา กีต้าร์คิง ของเมืองไทย) เป็นต้น เต็มอิ่มกับมนต์เสน่ห์ของเพลงร็อคแอนด์โรล บรรเลงโดย วงเฉลิมราชย์ ควบคุมวงโดย อ.วิรัช อยู่ถาวร รับชมรับฟังเรื่องราวชีวิตของ เอลวิส เพรสลี่ย์ & เอลวิสูตร ตุงคะรัต  ถ่ายทอดผ่านเสียงเพลงและเรื่องเล่าจากครอบครัวและคนรักๆ พร้อมชมของรัก ของหวง ของสะสมที่เตรียมมาโชว์แฟนคลับเอลวิสในคอนเสิร์ตนี้โดยเฉพาะ บัตรราคา 1,000 บาท 700 บาท และ 500 บาท จำหน่ายบัตรที่ศาลาเฉลิมกรุง โทร.0-2225-8757-8, 0-2623-8148-9 และไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ทุกสาขาโทร. 0-2262-3456 หรือ www.thaiticketmajor.com


Elvis คือพลังอันเร้นลับ ซึ่งเปี่ยมไปด้วยพลังอานุภาพสูงส่งเปรียบดังลูกไฟที่ไม่มีวันที่จะมอดไหม้ดับสลายได้ตลอดกาล นานเท่าไหร่แล้วที่โลกได้สูญเสีย Elvis ไป ทุกคนคงทราบดีและจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ เพื่อจะได้ลืม Elvis

ผมมีความรู้สึกว่าผมและ Elvis มีความผูกพันธ์ทางจิตเสมือนญาติสนิท กว่าครึ่งชีวิตผมคลุกคลีอยู่กับผลงานเพลงของ Elvis มาตลอด สะสมแผ่นเสียงชุดแล้วชุดเล่า เพราะใช้งานก็เก่าไป รวมทั้ง CD, VDO เกี่ยวกับ Elvis ทุกอย่างได้เรียนรู้มากมาย Elvis มีอะไรหลายๆอย่างที่คนอื่นไม่มีการเปลี่ยนแปลงตัวเองไปตามยุคสมัยได้อย่างเหมาะสม จะสังเกตได้ตั้งแต่ยุค 50 เปลี่ยนมาเป็น 60 ช่วงนี้แหละ Elvis ทุ่มเทกับผลงานมากที่สุดความละเอียดอ่อนปนกับความแข็งแกร่งพอมาถึงยุค 70 เป็นการพลิกโฉมหน้าอย่างแท้จริง ความสมบูรณ์ของดนตรีเพียบพร้อม ซึ่งขณะนั้นไม่มีใครทำได้ยิ่งใหญ่เท่า อันนี้แหละที่เป็นวิทยาทานที่ผมได้รับจาก Elvis

ย้อนหลังไปประมาณ 30 กว่าปี เป็นการเริ่มต้นของผม ขณะนั้นผมเรียนมัธยมตอนนั้นของรั้ว ร.ร.สามเสนวิทยาลัยซึ่งตั้งอยู่ริมคลองประปาสามเสน ช่วงนั้นเองก็มีภาพยนตร์ของ Elvis เรื่องแรกเข้ามาฉายในเมืองไทย เรื่อง “Love Me Tender” ผู้คนให้การต้อนรับพอสมควรถึงแม้ว่าจะมีเพลงเพียง4เพลงก็ตาม แต่พอมาเรื่องที่2 เรื่อง “Loving You” นี่ซิ ทำให้วงการเพลงคึกคัก มากโดยเฉพาะผม เริ่มซึมซาบกับลีลาของ Elvis จึงเริ่มต้นจากจุดนี้โดยเพื่อนๆให้การสนับสนุนกันตามสภาพ หลายๆ คนบอกว่า น่าลองลุยงานนี้ดูด้วย เห็นว่าผมพอมีลีลาทีท่าจะทำได้ดี จากแรงผลักดันของเพื่อนๆ ผมเริ่มเอาจริงเอาจัง ทั้งๆที่กำลังเรียนอยู่เป็นธรรมดาการเรียนก็เริ่มไม่ค่อยดี แต่ทำยังไงได้ เพราะจิตใจเรามาทางนี้แล้วและก็ได้ค่าขนมด้วย

ชีวิตการร้องเพลงของผมเริ่มจากการไปร่วมวงกับวงดนตรีลูกทุ่งตามต่างจังหวัด แล้วแต่เค้าจะเรียกเรา อาทิเช่นสุรพล สมบัติเจริญ, ก้าน แก้วสุพรรณ ไปสลับกับเพลงลูกทุ่ง 2-3 เพลงต่องานเท่านั้น

ต่อมาได้รับคำแนะนำจากผู้ใหญ่ในวงการเพื่อให้ถูกทางที่เราเลือก  ท่านก็เลยพาผมไปฝากไว้กับวง ชื่อ “ยุวศิลป์” ของคุณ ผุสดี อนรรฆมนตรี ซึ่งขณะนั้นมีชื่อเสียงมากและมีรายการออก T.V. ทุกอาทิตย์ จำได้คือ วันพุธ ขณะนั้นวงการเพลงเมืองไทยกำลังตื่นตัวมาก เพลงเริ่มหาฟังง่าย สถานีวิทยุจัดเพลงสากลมากมาย ไม่เหมือนยุคแรกๆ จะฟังเพลงหรือจะต่อเพลงซักเพลงต้องไปตามร้านไอศครีมหรือร้านกาแฟที่เค้ามีตู้เพลง คลื่นลูกใหม่ก็ยังเกิดขึ้นในตอนนั้น จากที่ Elvis ยึดตลาดสถานีวิทยุอยู่ ขณะนั้น Cliff Richard เริ่มเข้ามามีบทบาทในบ้านเราและก็จะมีภาพยนตร์ของเค้าเข้ามาฉายด้วย ซึ่งมีการโปรโมท กันเต็มที่ โดยการนำของ คุณหลุยส์ ธุระวณิชย์ เรื่อง “The Young Ones” อันมีวงดนตรีของ Cliff  ชื่อ “The Shadows” เล่นประกอบเรื่อง จากนี้เองทำให้วงการดนตรีเมืองไทยเริ่มเปลี่ยนแปลงจากนักดนตรีหลายๆคนหรือที่เรียกว่า “Combo” ย่อ มาเหลืองเพียง 4 คน คุณหลุยส์เลยมีความคิดและปรึกษากับผมว่าจะทำวงดนตรีแบบ Shadows ดู ผมก็เลยเห็นด้วย ขณะนั้นผมก็ร้องเพลงอยู่กับวงของเพื่อนอีกวงชื่อ “ฮาวาย-บลูส์” เป็นของคุณชาญ กองผาสุข ซึ่งเป็นลักษณะกึ่ง Combo เปลี่ยนแปลง มาเป็นแบบ Shadows วงแรก โดยใช้ฃชื่อว่า “หลุยส์ กีตาร์บูลส์” มีคุณกล ภาคสุวรรณเป็นตัวแทน Cliff ได้รับความนิยมสูงสุดก็ว่าได้ นี่คือจุดเริ่มต้นของคำว่า วง Shadows ตั้งแต่นั้นมา ไม่ถึงปีก็มีวงดนตรีเกิดขึ้นมากมายรวมทั้งผมด้วย คิดว่าเราน่าจะทำวงดนตรีของเราเองดีกว่า ก็เลยลาออกจากวง “หลุยส์” จัดตั้งรวบรวมเพื่อนเก่ามาร่วมทีม โดยใช้ชื่อว่า “The Drifters” ซึ่งก็เอามาจากชื่อเก่าของ The Shadows ซึ่งชื่อไปซ้ำกับวงดังในอเมริกา แรกๆ ก็ใช้นักดนตรีและเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยตามความเหมาะสมจนมาได้ตัวที่รวมกันจริงๆอันมี ไพฑูรย์ (แดง) เล่น Lead, วีระพงษ์ เล่น Bass, วีระวัธน์ เล่น Rhytham ซึ่งปัจจุบันเป็นเศรษฐีย่อยๆไปซะแล้ว, บูรพา เล่นกลอง ได้รับความนิยมสูงสุด ซึ่งมีการออกเดินสายต่างจังหวัดด้วย หรือเรียกว่า “On Tour” นั่นแหละ ก็คิดว่าเป็นวงแรกที่สามารถทำได้ โดยใช้คนเพียง 6-7 คนเท่านั้น ซึ่งผิดกับวง Combo หรือวงลูกทุ่งจะต้องใช้นักดนตรีไม่ต่ำกว่า 10-20 คนขึ้นไป ช่วงนั้นผมได้รับความนิยมสูงสุดก็ว่าได้ โดนทาบทามเล่นหนังไทยหลายเรื่องเหมือนกัน ส่วนงานด้านดนตรีของผมส่วนมากก็เล่นตามงานสโมสรต่างๆ งานวัดฯลฯ ส่วน Club หรือ Bar ค่อนข้างจะหายากหน่อย เพราะมีไม่กี่แห่งเท่านั้นในกรุงเทพฯ

ต่อมาเท่าที่จำได้ในราวปี 05 หรือ06 นี้แหละก็เกิดสงครามเวียดนามขึ้นอเมริกาก็มาปักหลังเอาบ้านเราเป็นฐานทัพของ G.I. มาหลายหมื่นคน วางจุดไว้ทั่วภาคอิสานและภาคกลาง ผมเป็นคนหนึ่งที่ถูกทาบทามให้ร่วมงานกล่อมขวัญ G.I. ตาม Camp ต่างๆ ทั่วไป โดยได้รับค่าตอบแทนสูงกว่าที่เราเล่นกันธรรมดาในกรุงเทพฯ อีกอย่างก็เป็นสิ่งที่เราจะได้เรียนรู้สัมผัสกับต้นฉบับจริงๆ ซึ่งก็ได้รับความสำเร็จเป็นอย่างมากเพราะ G.I. ส่วนมากรัก Elvis เท่าๆกับเรา ซึ่งเป็นการทำงานในจุดเดียวกัน ผมวนเวียนอยู่ตาม Camp G.I. อยู่หลายปีจนสุดท้ายมาสิ้นสุดเอาที่ จ.อุดรธานี เมื่อ G.I. ทุกคนต้องกลับบ้านหมด เพราะสงครามเลิกแล้ว คงเหลืออยู่ที่อุดรฯ เพียงไม่ถึง 100 คน เป็นชุดสุดท้าย ผมเป็นคนเล่นดนตรีให้กลุ่มสุดท้ายนี้ก่อนส่งกลับบ้านด้วยน้ำตานองหน้า เพราะความผูกพันธ์ เมื่อ G.I. กลับบ้านหมด ผมก็คิดไม่ออกว่าจะไปทางไหนดีเพราะจากกรุงเทพฯ มาเกือบ 20 ปี ใครคงไม่รู้จักเราแล้ว ก็เลยปักหลักอยู่ที่ จ.อุดรธานีต่อ เปิดบาร์เองก็พอใช้ได้ คนให้การสนับสนุนพอสมควร 16 สิงหาคม 1977 ซึ่งผมก็ยังทำบาร์อยู่ที่ จ.อุดรฯ เพื่อนปลุกพร้อมหนังสือพิมพ์ออกข่าวการเสียชีวิตของ  Elvis ไม่อย่างเชื่อเลย งง! ทำอะไรไม่ถูก คิดไปต่างๆนานา ที่คิดก็คือ Elvis เป็นแม่แบบของผมมาตลอดชีวิตแล้วตอนนี้จะเอาอะไรมาเป็นแม่แบบต่ออีกล่ะ? น้ำตามันซึมออกมาได้อย่างไรไม่น่าเชื่อมีความรู้สึกว่า Elvis เหมือนญาติผมจริงๆ

งานของผมดำเนินไปเรื่อยๆ ก็คิดว่าจะลองเข้ากรุงเทพฯ เหมือนกันเพราะตั้งแต่เสีย Elvisก็มีรายการเกี่ยวกับ Elvis มากมาย  แต่ก็คือว่าคนคงลืมผมไปแล้วเพราะ ทิ้งกรุงเทพฯ มานานจำได้เคยมาประจำอยู่ฝั่ง ร.ร. อินทราและก็มณเฑียร แต่ก็คิดว่าคนคงลืมผมไปแล้วเพราะ ทิ้งกรุงเทพฯมานานจำได้เคยมาประจำอยู่ฝั่ง ร.ร. อินทราและก็มณเฑียร แต่ก็ได้รับความนิยมน้อยพอดีขณะนั้นมีเพื่อนๆนักดนตรีอยู่ยุโรปมาชวนกันออก Tour ดู ก็เลยรับปากและก็ได้รับความสำเร็จพอสมควร วนเวียนอยู่แถบยุโรปหลายปี ก็เบื่อซะแล้วคิดว่ากลับบ้านดีกว่า แม้ปัจจุบันเพื่อนๆหลายคนยังปักหลักและมีครอบครัวอยู่ยุโรปหลายคน พอกลับมาเมืองไทยเที่ยวนี้ค่อยอบอุ่นหน่อย หลายคนให้การต้อนรับดี พอมีงาน ให้ทำบ้าง เหตุผลเพราะเราไปสร้างชื่อเสียงมา ต่อมาประมาณหลายปี 28 ก็ได้รับการทาบทามจากเพื่อนเก่าให้เข้าร่วมงานที่เบียร์สิงห์  เฮ้าท์ ซอยอโศกแรกๆก็เพียงรับแค่งานเทศกาล เล่นบ้างหยุดบ้าง จนมาระยะหลังก็เลยลงเล่นประจำ เพราะแฟนเพลงต้องการยังงั้น ช่วงที่อยู่เบียร์สิงห์เฮ้าท์