คู่มือ เที่ยวฮอกไกโดด้วยตัวเอง ลุยเกาะเหนือแห่งญี่ปุ่น!

กินเที่ยว
คู่มือ เที่ยวฮอกไกโดด้วยตัวเอง ลุยเกาะเหนือแห่งญี่ปุ่น!

ถ้าใครเคยชมภาพยนตร์เรื่องแฟนเดย์ก็คงจะได้เห็นบรรยากาศดีๆ ทิวทัศน์สวยๆ ของเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำในเรื่อง

ดูหนังจบแล้วก็เกิดอาการอินจัด อยากจะไป เที่ยวฮอกไกโดด้วยตัวเอง บ้าง วันนี้เรามีข้อมูลมาแนะนำ พร้อมสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ในฮอกไกโดมาฝาก พร้อมแล้วไปลุยเกาะเหนือของญี่ปุ่นให้ทั่วกันเลยค่ะ!
 
การเดินทางจากไทยไปฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น
เกาะฮอกไกโดมีสนามบินอยู่หลายแห่งทั่วเกาะ เช่น สนามบินนิวชิโตเสะ เมืองซัปโปโร, สนามบินฮาโกดาเตะ เมืองฮาโกดาเตะ, สนามบินวักกะไน เมืองวักกะไน ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ที่มาเกาะฮอกไกโด มักจะมาเที่ยวเมืองซัปโปโรเป็นเมืองแรก ก็จะบินมาลงที่สนามบินนิวชิโตเสะ และสนามบินนี้ยังมีเที่ยวบินตรงจากไทยบินมาลงอีกด้วย สะดวกสำหรับใครที่มา ทัวร์ฮอกไกโด มากๆ
 
การเดินทางจากสนามบินนิวชิโตเสะเข้าเมืองซัปโปโร
รถไฟ JR : การเดินทางไปยังเมืองซัปโปโรที่เร็วที่สุดคือวิธีนั่งรถไฟ JR ซึ่งจะออกจากสนามบินไปยังทางซัปโปโรในทุกๆ 15 นาที สถานีรถไฟตั้งอยู่ชั้น B1F ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที ค่าโดยสารเที่ยวเดียวเริ่มต้นที่ 1,070 เยน
 
รถบัส : การเดินทางด้วยรถบัสเข้าเมืองซัปโปโรใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง รถจะออกจากสนามบินทุกๆ 10-15 นาที สำหรับใครที่มา เที่ยวฮอกไกโดด้วยตัวเอง หากต้องการไปยังเมืองหรือแหล่งท่องเที่ยวอื่นใกล้ๆ ซัปโปโร เช่น โนโบริเบะสึ, มุโรรัง, โฮเบ็ทสึ ก็สามารถนั่งรถบัสจากสนามบินไปได้เลย สถานีรถบัสอยู่ชั้น 1F
 
การเดินทางท่องเที่ยวในฮอกไกโด
เครื่องบิน : การเดินทางระหว่างเมืองในฮอกไกโดด้วยเครื่องบิน เหมาะสำหรับคนที่มีงบการเดินทางเยอะและต้องการประหยัดเวลา เกาะฮอกไกโดมีสนามบินอยู่ถึง 12 แห่งทั่วเกาะ ซึ่งส่วนใหญ่จะรองรับเฉพาะเที่ยวบินภายในประเทศ
 
รถไฟ JR : เป็นวิธีเดินทางท่องเที่ยวในฮอกไกโดที่ง่ายที่สุด เพราะมีสถานีอยู่ในทุกเมืองหลักๆ ราคาค่าโดยสารก็มีหลากหลายอีกด้วย
 
รถไฟใต้ดิน : มีให้บริการเฉพาะในเมืองซัปโปโรเท่านั้น มีรถไฟใต้ดินอยู่ 3 สาย คือ สายนัมโบะคุ, สายโทไซ และสายโทโฮ เดินรถโดยใช้เส้นทางเดียวกับรถโดยสารประจำทาง
 
รถราง : มีให้บริการในเมืองใหญ่อย่างซัปโปโรและฮาโกดาเตะ เป็นวิธีการเดินทางหลักสำหรับการท่องเที่ยวในฮาโกดาเตะเพราะเชื่อมต่อไปยังจุดท่องเที่ยวสำคัญๆ หลายแห่ง
 
รถบัสข้ามเมือง : ข้อดีคือเป็นวิธีเดินทางที่ประหยัดที่สุดและสามารถไปสถานที่บางแห่งที่รถไฟเข้าไม่ถึงได้อีกด้วย เหมาะสำหรับคนที่ เที่ยวฮอกไกโดด้วยตัวเอง แบบมีเวลาเยอะหน่อย เพราะข้อเสียคือใช้เวลาเดินทางนานที่สุด
 
แท็กซี่ : การเดินทางด้วยแท็กซี่ในเมืองใหญ่อย่างซัปโปโร, ฮาโกดาเตะ, โอบิฮิโระ เป็นวิธีเดินทางที่สะดวกมากๆ แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าค่าโดยสารก็แพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน และคนขับแท็กซี่ส่วนใหญ่จะสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้ ดังนั้นถ้าจะเรียกแท็กซี่ต้องเตรียมตัวเรื่องจุดหมายปลายทางให้ดี
 
สิ่งที่ควรรู้ก่อนไปฮอกไกโด
- Hokkaido Rail Pass เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับคนที่เดินทางในฮอกไกโด สามารถใช้ขึ้นรถไฟ JR และรถบัส JR ได้เกือบทุกเมือง
- ฮอกไกโดขึ้นชื่อเรื่องวัตถุดิบอาหารสดใหม่และอร่อย มีเมนู อาหารขึ้นชื่อ ฮอกไกโด ที่ห้ามพลาดคือ อาหารทะเลต่างๆ โดยเฉพาะปู, ราเม็ง, เนื้อเจงกิสข่าน กินคู่กับเบียร์, ผลิตภัณฑ์จากฟาร์ม เช่น ผลไม้ นม ชีส
- หลายคนจะรู้จักฮอกไกโดกับภาพหิมะหนา อากาศหนาวเย็น แต่จริงๆ แล้ว ฮอกไกโด หน้าร้อน ก็น่าไปไม่แพ้กัน เพราะดอกไม้ในฟาร์มต่างๆ จะออกดอกอวดสีสันสวยงาม
- ฤดูร้อนยังเป็นช่วงที่ลานเบียร์ในฮอกไกโดเปิดให้บริการเยอะกว่าฤดูอื่นๆ อีกด้วย
- ถ้าไปเที่ยวฮอกไกโดช่วงฤดูหนาวจะต้องเผื่อเวลาในการเดินทางไว้ด้วย เพราะแม้ในวันที่อากาศดีก็มีจะต้องมีการกวาดหิมะ หรือปรับสภาพผิวถนน
- ถ้าเที่ยวในซัปโปโรช่วงฤดูหนาว การเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินจะสะดวกที่สุด เพราะแทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศ

ฮอกไกโดเป็นเกาะขนาดใหญ่ มีเมืองตั้งอยู่หลายเมือง แต่ละเมืองบนเกาะฮอกไกโดก็มีความสวยงามและมีเสน่ห์ไม่เหมือนกัน เราได้นำเอาสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของแต่ละเมืองที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดมาฝาก มีอะไรบ้างไปดูกัน
 
เมืองน่าเที่ยวในฮอกไกโด
ซัปโปโร (Sapporo)

สวนโอโดริ (Odori Park)
 

 
สวนโอโดริ เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซัปโปโร เป็นเสมือนโอเอซิสและที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองซัปโปโร ในฤดูใบไม้ผลิมีเทศกาลดอกไลแล็ค ฤดูร้อนมีเทศกาล YOSAKOI โซรันและเบียร์การ์เด้น ฤดูใบไม้ร่วงมีเทศกาลออทั่มเฟส และฤดูหนาวมีเทศกาล Sapporo Snow Festival เทศกาลหิมะเมืองซัปโปโรอันโด่งดัง ใครไป ทัวร์ฮอกไกโด ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ต้องไม่พลาด

การเดินทาง : รถไฟใต้ดินสถานีโอโดริ หรือรถไฟ JR ลงสถานีซัปโปโรและเดินต่ออีก 10 นาที
 
สวนสาธารณะโมเอเระนุมะ (Moerenuma Park)
 

รูปภาพจาก: ©Y. Shimizu / ©JNTO
 
สวนสาธารณะโมเอเระนุมะ สวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของซัปโปโร สร้างจากการถมทะเล ภายในสวนมีทั้งพีระมิดแก้ว, ชายหาดโมเอเระ, น้ำพุขนาดใหญ่สูงกว่า 48 เมตร, ภูเขาโมเอเระ ที่ในหน้าหนาวสามารถมาเล่นสกีได้ด้วย และยังมีอีกหลายส่วนที่ล้วนออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์

การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินสายโทโฮ (Toho Line) ลงที่สถานี Kanjo dori higashi จากนั้นต่อด้วยรถบัสสามารถขึ้นได้สองสาย คือ
- Chuo Bus [higashi 69] ไป Ainosato kyoikudai eki ลงที่ป้าย Moerenuma koen higashiguchi
- Chuo Bus [higashi 79] ไป Nakanuma Shogakko dori ลงที่ป้าย Moerenuma koen higashiguchi
 
ศาลาว่าการเมืองฮอกไกโดหลังเก่า (ทำเนียบอิฐแดง)

 
ศาลาว่าการเมืองฮอกไกโดหลังเก่า หนึ่งในสัญลักษณ์ของฮอกไกโด อาคารเก่าแก่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1888 ภายในอาคารมีการจัดแสดงข้อมูลสิ่งของที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ของฮอกไกโด คนทั่วไปสามารถให้เข้าชมได้ฟรี

การเดินทาง : ลงรถไฟสถานี JR ซัปโปโร เดินต่อประมาณ 8 นาที หรือนั่งรถไฟใต้ดินลงสถานีรถไฟใต้ดินซัปโปโร ทางออกที่ 10 เดินต่ออีกประมาณ 4 นาที
 
หอนาฬิกาเมืองซัปโปโร (Clock Tower)

 
หนึ่งในสิ่งก่อสร้างเก่าแก่คู่เมืองฮอกไกโดอย่าง หอนาฬิกาเมืองซัปโปโร ที่ภายใน ชั้น 1 มีการจัดแสดงประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับหอนาฬิกา เช่น การเปลี่ยนแปลงสีของอาคาร และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเมื่อครั้งที่ถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่ เป็นต้น

การเดินทาง : จากสถานี JR ซัปโปโร เดินลงมาทางใต้ประมาณ 10 นาที
 
ศาลเจ้าฮอกไกโด (Hokkaido Shrine)

 
ศาลเจ้าฮอกไกโด เป็นศาลเจ้านิกายชินโต สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1869 เป็นสถานที่ชมซากุระและดอกบ๊วยยอดนิยมของซัปโปโร ถ้าแวะไปเยี่ยมชมศาลเจ้าอย่าลืมซื้อของฝากขึ้นชื่ออย่าง “จิงกูโนะอุเมะ” เหล้าที่ทำจากบ๊วย และ “จิงกูโนะซากุระ” เป็นชาที่มีจำหน่ายเฉพาะที่สำนักงานศาลเจ้าเท่านั้น
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินลงที่สถานี Maruyama Koen ทางออก 2, 3 และเดินต่อไปอีกประมาณ 10-15 นาที
 
ย่านซูซูกิโนะ (Susukino)

 
ใครชอบเที่ยวกลางคืนที่ได้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นต้องมาที่ ย่านซูซูกิโนะ ย่านบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด เป็นแหล่งเที่ยวกลางคืนที่มีทั้งร้านอาหาร บาร์ คาราโอเกะ และราเม็งโยโกโจว ถนนสำหรับคนรักซัปโปโรราเม็ง

การเดินทาง : นั่งรถไฟลงที่สถานีซูซูกิโนะ
 
ตลาดถนนคนเดินทานูกิโคจิ (Tanukikoji)

 
ขาช้อปที่สงสัยว่ามา ทัวร์ฮอกไกโด จะไปช้อปปิ้งที่ไหนดี มาที่นี่เลย ตลาดถนนคนเดินทานูกิโคจิ แหล่งช้อปปิ้งเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1869 เหมาะสำหรับซื้อหาของฝากจากฮอกไกโด ตลาดยาวกว่า 1 กิโลเมตร มีร้านค้าทั้งเก่าและใหม่ รวมถึงร้านค้าจากแบรนด์ชั้นนำสลับสับเปลี่ยนกันไปอยู่ประมาณ 200 ร้าน สามารถช้อปปิ้งได้อย่างเต็มที่
 
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินลงสถานีซูซูกิโนะ และเดินต่อประมาณ 7 นาที
 
หมู่บ้านประวัติศาสตร์ฮอกไกโด (Historic Village of Hokkaido)
 

 
หมู่บ้านประวัติศาสตร์ฮอกไกโด พิพิธภัณฑ์สถานกลางแจ้งที่มีสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ที่บอกเล่าสภาพบ้านเมืองของฮอกไกโดในยุคเมจิ ไทโช เป็นอนุสรณ์ครบรอบ 100 ปีการก่อตั้งฮอกไกโด สามารถเที่ยวชมหมู่บ้านโดยรถรางเลื่อนเทียมม้าได้

การเดินทาง : นั่งรถไฟลงสถานี Shinrin Koen แล้วเดินต่อประมาณ 20-30 นาที หรือนั่งรถประจำทางจะใช้เวลาแค่ 5 นาที
 
พิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร (Sapporo Beer Museum)

 
เรียกได้ว่าฮอกไกโดเป็นแหล่งต้นกำเนิดเบียร์ญี่ปุ่น และเบียร์ซัปโปโรก็เป็นเบียร์ยอดนิยมของประเทศเลยทีเดียว ที่นี่คือ พิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร ภายในบอกเล่าประวัติศาสตร์ของเบียร์ในญี่ปุ่น วิธีการผลิต และยังสามารถชิมรสเบียร์คลาสสิกที่ผลิตออกมาใหม่ๆ ได้อีกด้วย

การเดินทาง : ขึ้นรถบัส Loop 88 Factory Line bus ที่สถานีโอโดริ หรือ หน้าห้างสรรพสินค้า Seibu ใกล้กับสถานีซัปโปโร
 
ย่านน้ำพุร้อนโจซังเค (Jozankei Onsen)

 
ย่านน้ำพุร้อนโจซังเค แหล่งน้ำพุร้อนที่เป็นที่นิยมมากแห่งหนึ่ง เดินทางจากซัปโปโรเพียง 1 ชั่วโมงกว่า นอกจากน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงแล้ว เรื่องความสวยงามของทิวทัศน์ก็เป็นอีกสิ่งที่ดึงดูดคนให้มาเยือนเช่นกัน
 
การเดินทาง : จากสถานีซัปโปโร นั่งรถ Jotetsu Bus หมายเลข 7 หรือ 8 มายังโจซังเค ออนเซ็น
 
โอตารุ (Otaru)

คลองโอตารุ (Otaru Canal)
 
 
คลองโอตารุ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมือง ช่วงฤดูหนาวในเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งจะเป็นช่วงเทศกาล Otaru Snow Light Path Festival บรรยากาศริมคลองจะสวยงามและให้บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ

การเดินทาง : ลงรถไฟที่สถานีโอตารุ เดินไปไม่กี่นาทีจะเจอคลองโอตารุ
 
พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Music Box Museum)

รูปภาพจาก: ©Yasufumi Nishi / ©JNTO
 
อีกหนึ่งที่เที่ยวห้ามพลาดกับ พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ ตั้งอยู่ทางใต้สุดของถนนซาไกมาจิ เป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ จัดแสดงเรื่องราวของกล่องดนตรี ภายในยังมีร้านขายกล่องดนตรีหลากหลายแบบให้เลือกซื้ออีกด้วย
 
การเดินทาง : รถไฟ JR ลงที่สถานี Minami Otaru แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที
 
ฮาโกดาเตะ (Hakodate)
 
โกเรียวคาคุ (Goryokaku)

 
ป้อมปราการรูปดาวขนาดใหญ่ โกเรียวคาคุ ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สามารถมองวิวจากมุมสูงได้จากหอชมวิวโกเรียวคาคุที่อยู่ติดกัน คูป้อมรายล้อมไปด้วยต้นซากุระกว่า 1,600 ต้น ทำให้ที่นี่เป็นจุดชมซากุระลำดับต้นๆ ของฮอกไกโด

การเดินทาง : เดินทางโดยรถราง 20 นาที มาถึงป้ายโกเรียวคาคุ โคเอ็น-มาเอะ แล้วเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที
 
โกดังอิฐแดงคาเนโมริ (Kanemori Red Brick Warehouse)
 

 
โกดังอิฐแดงคาเนโมริ สร้างขึ้นในปี 1909 ตั้งอยู่บริเวณริมอ่าวฮาโกดาเตะ ปัจจุบันภายในเป็นร้านอาหารและร้านขายสินค้าต่างๆ โดยเฉพาะร้านดังที่ขายสินค้าท้องถิ่นของเมืองฮาโกดาเตะ เช่น ร้านฮาโกดาเตะโรมันคัง วากอนช้อป ร้านจำหน่ายตะเกียบ ร้านเซ็มเบ้ปิ้งด้วยมือ และอื่นๆ

การเดินทาง : จากสถานี JR ฮาโกดาเตะ นั่งรถรางสายที่ไปยังยาจิกาชิราหรือโดคคุมาเอะ ลงที่สถานีจูจิไง แล้วเดินต่ออีก 2 นาที หรือเดินจากสถานี JR ฮาโกดาเตะประมาณ 15-20 นาที
 
ภูเขาฮาโกดาเตะ (Mt. Hakodate)

 
มาถึงจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงที่สุดอย่าง ภูเขาฮาโกดาเตะ ช่วงค่ำจะคนเยอะเป็นพิเศษเพราะจะเห็นวิวเมืองฮาโกดาเตะที่เปิดไฟสว่างดูสวยงาม ทิวทัศน์ยามค่ำคืนบนภูเขาฮาโกดาเตะนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ในฤดูใบไม้ร่วงอากาศจะดี ทำให้มองเห็นวิวทั่วทั้งเมือง ในฤดูหนาวแสงสว่างจากไฟในเมืองจะสะท้อนลงบนหิมะที่ปกคลุม ทำให้วิวยามค่ำคืนส่องประกายระยิบระยับยิ่งขึ้นไปอีก
 
การเดินทาง : เดินทางโดยรถราง ลงที่ป้ายจูจิไกจากนั้นเดินไปยังสถานีโรปเวย์ เพื่อขึ้นกระเช้าไปยอดเขา
 
อุทยานโอนุมะ (Onuma Quasi-National Park)

 
อุทยานโอนุมะ ตั้งอยู่เขตชานเมืองฮาโกดาเตะ ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของธรรมชาติ เพราะรายล้อมไปด้วยทะเลสาบ ป่า และภูเขาโคมะกะตะเคะที่ตั้งอย่างโดดเด่นอยู่ใกล้ทะเลสาบโอนุมะ เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของอุทยานแห่งนี้ นอกจากจะได้ไปชื่นชมธรรมชาติแล้วยังมีกิจกรรมให้สนุกกันอีกด้วย
การเดินทาง : จากฮาโกดาเตะ นั่งรถไฟ JR Express ประมาณ 20 นาที ลงที่สถานีโอนุมะ โคเอน
 
ฟุราโนะ (Furano)
 
ฟาร์มโทมิตะ (Farm Tomita)

รูปภาพจาก: ©Yasufumi Nishi / ©JNTO
 
ฟาร์มโทมิตะ หนึ่งในฟาร์มลาเวนเดอร์ที่มีชื่อเสียงในฮอกไกโด ซึ่งดอกไม้จะบานช่วงปลายเดือนเมษายนไปจนถึงกลางเดือนสิงหาคม และบานเต็มที่ตลอดเดือนกรกฏาคม นอกจากทุ่งลาเวนเดอร์สวยๆ แล้วภายในฟาร์มยังมีทุ่งดอกไม้อีกหลากหลายชนิด ทั้งสีแดง สีส้ม สีชมพู สีขาว

การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Sapporo ขึ้น JR Limited Express Super Kamui ลงที่สถานี Asahikawa จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้น JR Furano Line แล้วไปลงที่สถานี Nakafurano
 
โนโบริเบทสึ (Noboribetsu)
 
โนโบริเบทสึ จิโกกุดานิ (Noboribetsu Jigokudani)

 
จิโกกุดานิ หรือหุบเขานรกอยู่ในเมืองโนโบริเบทสึ อีกหนึ่งเมืองออนเซ็นที่มีชื่อเสียงของฮอกไกโด ภาพของน้ำที่ร้อนจนเดือดทำให้ชาวญี่ปุ่นจินตนาการว่าบริเวณนี้เป็นหุบเขานรกที่มีปีศาจอาศัยอยู่ บริเวณหุบเขามีเส้นทางเดินชมธรรมชาติด้วย
 
การเดินทาง : เดินเพียง 5 นาทีจากสถานีรถประจำทางโนโบริเบทสึออนเซ็น
 
อะบาชิริ (Abashiri)
 
ธารน้ำแข็งอะบาชิริ (Ryuhyo)

 
ธารน้ำแข็งอะบาชิริ ไม่ได้มีเฉพาะแถบขั้วโลกเท่านั้น ที่ญี่ปุ่นก็มีปรากฏการณ์ธารน้ำแข็งลอยบนทะเล Okhotsk (โอะโฮสึคุ) เช่นกัน ที่อะบาชิริมีทัวร์ชมธารน้ำแข็งซึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมคือประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์
 
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR ลงที่สถานีอะบาชิริ จากนั้นต่อรถประจำทางลงที่ท่าเรือออโรร่า (Aurora Boarding Place)
 
ทะเลสาบโนโตโระ (Lake Notoro)

 
ทะเลสาบโนโตโระ ทะเลสาบอยู่ใกล้กับทะเล Okhotsk ในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงทั่วทั้งทะเลสาบจะถูกปกคลุมด้วยปะการังหญ้าเหมือนปูด้วยพรมสีแดง
การเดินทาง : จากสถานีอะบาชิริ นั่งรถบัสสาย Tokoro-Lake Saroma Sakaeura ลงที่ป้าย Sangoso Iriguchi
 
อะซาฮิคาวะ (Asahikawa)
 
เทศกาลหิมะอะซาฮิคาวะ (Asahikawa Winter Festival)

รูปภาพจาก: ©Hokkaido Tourism Organization/© JNTO
 
เทศกาลหิมะอะซาฮิคาวะ งานเทศกาลหิมะที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากเทศกาลหิมะซัปโปโร ถึงแม้ขนาดงานจะเล็กกว่าแต่รูปปั้นหิมะในงานนี้บางตัวมีขนาดใหญ่กว่าที่ซัปโปโรมาก งานจะจัดขึ้นในเวลาใกล้ๆ กันกับที่ซัปโปโร ประติมากรรมหิมะขนาดใหญ่จะถูกจัดแสดงอยู่ที่ย่านอาซาฮิบาชิ ส่วนที่ถนนเฮวะจะจัดแสดงน้ำแข็งแกะสลักตลอดช่วงถนนกว่า 1 กิโลเมตร
 
การเดินทาง : จากสถานีอะซาฮิคาวะ สามารถเดินชมน้ำแข็งแกะสลักบนถนนเฮวะไปได้เรื่อย เมื่อเดินจนสุดถนน ให้เดินต่อไปอีกประมาณ 10-15 นาทีจะถึงย่านอาซาฮิบาชิ
 
สวนสัตว์อาซาฮิยามะ (Asahiyama Zoo)

รูปภาพจาก: ©Hokkaido Tourism Organization/© JNTO
 
เรียกได้ว่าเป็นสวนสัตว์ที่ดีที่สุดในฮอกไกโด สวนสัตว์อาซาฮิยามะ มีความพิเศษกว่าสวนสัตว์แห่งอื่นๆ ในญี่ปุ่น ไฮไลท์ของสวนสัตว์ เช่น อุโมงค์กระจกที่ให้เดินลอดผ่านสระเพนกวิน, โดมกระจกเล็กๆ ที่ให้เราสามารถดูหมีขั้วโลกได้อย่างใกล้ชิด และทีเด็ดอยู่ในช่วงฤดูหนาวทางสวนสัตว์จะพาเพนกวินออกมาเดินเป็นแถวท่ามกลางหิมะ
 
การเดินทาง : จากสถานีอะซาฮิคาวะ ขึ้นรถประจำทางสาย 41, 42 หรือ 47 ลงที่สวนสัตว์อาซาฮิยามะ
 
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก www.govivigo.com


ขอบคุณข้อมูลจาก mushroomtravel